เชียงใหม่ - ชุดสืบภาค 5 ซุ่มสกัดจับเครือข่ายค้ายานรกข้ามชาติ ตามรวบ 3 ผู้ต้องหาชาวไต้หวันฝังตัวย่านไนท์บาซาร์ สุมหัวกับว้าใช้เชียงใหม่เป็นฐาน ลอบขนเฮโรอีนกว่า 100 แท่งจ่อขึ้นเครื่องออกนอก เผยเคยลอบขนเข้าอินโดฯ สิงคโปร์มาแล้ววันนี้ (31 ต.ค.) พ.ต.อ.วรพงษ์ คำลือ รอง ผบก.สส.ภ.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้ซุ่มสกัดจับขบวนการค้ายาเสพติดตลอดคืนที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดส่งมอบกันภายในพื้นที่ตลาดรวมโชค อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
ต่อมา
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5
ร่วมกับทหาร –
ป.ป.ส.ได้ติดตามรถฯ ต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้งเบาะแสตั้งแต่เย็นวันที่ 30
ต.ค.ที่บริเวณตลาดรวมโชค ต.สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมของกลางยาเสพติดบรรจุเฮโรอีนชนิดอัดแท่งๆ ละ 700
กรัม จำนวน 200
แท่ง ในกระเป๋าเดินทาง 3
ใบที่เบาะหลังรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ผน-9788
เชียงใหม่ นอกจากนี้ยังได้ควบคุมตัวนายตี๋ หรือนายจะสีคาเมืองยอง ชาวบ้านเด่นหลวง ม.13
ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งสอบสวนแล้วรับสารภาพว่าจะนำยาเสพติดดังกล่าวส่งให้เครือข่ายบริเวณลานจอดรถย่านถนนลอยเคราะห์ ต.ช้างคลาน เจ้าหน้าที่จึงนำรถของกลางไปจอดแล้วนัดให้กลุ่มเครือข่ายมารับ ต่อมาพบชายชาวต่างชาติ 3
คนทราบชื่อภายหลังคือ นายเปา จือ ซาว , นายจาง ติงหยู และนายอู๋ ติ้ง หยู เดินมาที่รถของกลางพร้อมยกกระเป๋าที่บรรจุยาเสพติดออกจากรถ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมขยายผลตรวจค้นห้องพักภายในโรงแรมดังย่านช้างคลานอ.เมืองเชียงใหม่ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนเพิ่มเติมที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5
โดยเบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหาชาวไต้หวันทั้ง 3
ได้เปิดห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งในอ.เมืองเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 29
ต.ค.61
และยังเปิดห้องพักโรงแรมย่านต.ช้างคลาน ติดไนท์บาซาร์ เพื่อรอส่งมอบเฮโรอีน ตามที่มีการนัดหมายก่อนลักลอบลำเลียงส่งไปยังประเทศไต้หวันต่อไป รอง ผบก.สส.ภ.5
กล่าวว่าขบวนการยาเสพติดกลุ่มนี้ เป็นเครือข่ายว้า ร่วมกับชาวไต้หวันซึ่งเป็นอาชญากรข้ามชาติ ที่ลักลอบนำเฮโรอีนจากชนกลุ่มน้อยเข้าประเทศไต้หวัน โดยมีหญิงสาวชาวไทยเป็นคนสั่งการประสานจุดรับ และสั่งยาเสพติดจากแนวชายแดนด้าน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ก่อนลักลอบขนเข้ามาในเมืองเชียงใหม่และจะใช้ฆ้อนทุบแล้วซ่อนไว้ในถุงเสื้อผ้าก่อนนำขึ้นเครื่องบิน ซึ่งทางตำรวจกองบังคับการสืบสวนภาค 5
จึงได้สืบสวนวางแผนจับกุมจนทราบว่าขบวนการนี้อาศัยไทยเป็นฐานในการส่งยาเสพติดไปอินโดนีเซีย และสิงคโปร์มาแล้วรวม 2
ครั้ง ส่วนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3
โดยตำรวจภูธรภาค5
จะทำการขยายผลติดตามจับกุมต่อไป