xs
xsm
sm
md
lg

(ภาพชุด) เปิดหมู่บ้าน “ลุงโฮ” โชว์โอทอปเลื่องชื่อต้นตำรับเวียดนามขายการท่องเที่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นครพนม - เปิด “หมู่บ้านนาจอก” ชุมชนชาวไทยเชื้อสายเวียดนามเก่าแก่ถิ่นพำนักประธานโฮจิมินห์ หรือลุงโฮ โชว์สินค้าโอทอปเลื่องชื่อ ต้นตำรับจากบรรพบุรุษ เผยเป็น 1 ใน 9 หมู่บ้านในโครงการหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว (OTOP Village) จ.นครพนม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ต.ค.) เวลา 14.00 น. บริเวณศาลาเทิดพระเกียรติ บ้านนาจอก หมู่ 5 ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม หมู่บ้านชุมชนคนไทยเชื้อสายเวียดนาม ที่ครั้งหนึ่งพื้นที่ตรงนี้ประธานโฮจิมินห์ หรือลุงโฮ ผู้นำชาวเวียดนาม เคยพำนักและใช้เป็นฐานที่มั่นในการกอบกู้อิสรภาพจากฝรั่งเศส ระหว่างปี พ.ศ. 2466-2474 จนประสบความสำเร็จ นายจันทร์ไทย พัฒนประสิทธิ์ชัย กำนัน ต.หนองญาติ ได้กล่าวต้อนรับคณะผู้มาเยือน

โดยแนะนำแหล่งท่องเที่ยวบ้านนาจอกว่าชุมชนแห่งนี้เป็น 1 ใน 9 หมู่บ้านเป้าหมายที่จังหวัดนครพนมบรรจุอยู่ในโครงการหมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว (OTOP Village) เพื่อจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้เกิดรายได้ ตามนโยบายของรัฐบาลลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการสร้างโอกาสเข้าถึงบริการของรัฐ โดยมุ่งเน้นการสร้างอาชีพ และรายได้ที่มั่นคง ด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เกิดความเข้มแข็ง


หมู่บ้านนาจอก ตั้งมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษอพยพมาจากประเทศเวียดนาม อาศัยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารมากว่าร้อยปี มีความเชี่ยวชาญด้านการเกษตร โดยจะปลูกพืชผักสวนครัวรับประทานกันทุกบ้าน ถ้าเหลือก็จะนำไปขายในตลาด รับประทานอาหารเวียดนามตำรับดั้งเดิม และยังคงการแต่งกายด้วยชุดอ๋าวหย่าย (แปลว่า เสื้อยาว) เป็นชุดแต่งกายพื้นบ้านที่สตรีเวียดนามนิยมสวมใส่ ส่วนใหญ่จะพบเห็นในงานพิธีสำคัญเท่านั้น

ต่อมาสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนมเข้ามาช่วยเหลือทั้งด้านความรู้เพิ่มทักษะทางวิชาการ จนผลักดันสินค้าทางการเกษตรเป็นผลิตภัณฑ์โอทอป สร้างความเข้มแข็งในชุมชน และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อเกิดรายได้พอกพูนกว่าเดิมหลายเท่าตัว


เช่นกรณีของนายพงษ์ศักดิ์ กองพลศรีสิริ อายุ 48 ปี และ น.ส.ภัสสร เกิดแก้ว อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 41/1 หมู่ 5 บ้านนาจอก สามีภรรยา โดยสามีนั้นจากอดีตที่เคยไปขายแรงงานประเทศญี่ปุ่น เก็บเกี่ยวความรู้ต่างๆ มาใช้ในครอบครัว เริ่มจากเลี้ยงโคขุนจำนวน 10 ตัว ส่งขายสหกรณ์โพนยางคำ จ.สกลนคร และมีรายได้เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีโคขุนอยู่ 40 กว่าตัว ขณะที่ภรรยาเคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ว่างจากงานประจำก็ช่วยสามีด้วยการเลี้ยงจิ้งหรีด มีลูกค้าสั่งออเดอร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงลาออกจากงานมาเป็นเกษตรกรเต็มตัว


ด้านนางสมใจ บุญชวลิต อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 11 หมู่ 5 บ้านนาจอก มีอาชีพปลูกใบชาสายพันธุ์อัสสัม ซึ่งบรรพบุรุษนำเมล็ดพันธุ์มาจากประเทศเวียดนาม คราวอพยพหนีภัยสงคราม ทุกหลังคาเรือนจะมีพื้นที่แบ่งไว้การปลูกชาไว้ชงดื่มเสมอ หลังพัฒนาชุมชนมาแนะนำให้ความรู้เพิ่ม ก็ปรับปรุงใบชามีรสชาติหอม กลมกล่อม ชุ่มคอ และมีฤทธิ์ลดไขมันในเลือด ฯลฯ จนกลายมาเป็นสินค้าโอทอป ระดับ 5 ดาว

“ถ้าใครมาเที่ยวอนุสรณ์สถานท่านประธานโฮจิมินห์ที่บ้านนาจอกนี้แล้ว ไม่ได้ลิ้มลองน้ำชาบ้านนาจอก ถือว่ามาไม่ถึงเด้อจ้า” นางสมใจกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น