พิษณุโลก - ตีแผ่ปมปัญหานายทุนฮุบ “ภูขี้ไก่” จ่อผุดสวนน้ำบนยอดดอย จน เสธ.กอ.รมน.ทนไม่ไหวโพสต์แฉ-แชร์ว่อนโซเชียลฯ เผยเจอพิรุธตั้งแต่ปี 51 แถมชาวบ้านร้องซ้ำจนเป็นคดีพิเศษ แต่ จนท.บางหน่วยกวาดซุกใต้พรมนับสิบปี
กระแสข่าวนายทุนฮุบ “ภูขี้ไก่-เพชรบูรณ์” จนสามารถออกโฉนดได้ถึง 1,800 ไร่ ถูกจุดพลุขึ้นมาอีกครั้ง หลัง พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. ได้ส่งข้อความและภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ซึ่งเห็นสภาพป่าบริเวณใจกลางแหว่งหายไปอย่างน่าตกใจ ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ไปยังเครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์ป่าและเครือข่ายกลุ่มสื่อมวลชนต่างๆ เมื่อ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา
พร้อมระบุว่า “...ผมหดหู่ใจ และเศร้าใจมากที่รักษาป่าต้นน้ำป่าสักผืนนี้ไว้ไม่ได้... ..ผมเห็นภาพที่มีคนไปร่วมงานเปิดโครงการสวนน้ำ บริเวณภูขี้ไก่ รอยต่อของ อ.หล่มเก่า และ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พื้นที่ประมาณ 1,800 ไร่ที่ออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และการเพิกถอนล่าช้าทำให้สูญเสียพื้นที่ป่าจำนวนมาก..
ถึงเวลาหรือยังครับ..ถ้าช้ากว่านี้ป่าต้นน้ำป่าสักหมดแน่นอน ผมขอวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้มากกว่านี้ ต้องช่วยกันต่อสู้กับขบวนการฟอกป่า กว่าเราจะทวงคืนมายากอยู่แล้ว...ถ้าไม่ช่วยกันป้องกัน..ผมว่ายกให้กลุ่มทุนไปเลยดีกว่า ผมตรวจสอบพบ เมื่อ 3-4 ปีที่แล้วสภาพป่ายังสมบูรณ์อยู่ แต่ปัจจุบันสภาพเป็นดังภาพถ่าย
ผมขอให้เครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์ป่าทุกภาคส่วนมาช่วยกันครับ... จาก พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน.”
เมื่อข้อความดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ทำให้ทุกหน่วยงานด้านทรัพยากรธรรมชาติตื่นตัวสั่งการเสาะหาข้อมูลและข้อเท็จจริงถึงการครอบครองพื้นที่ป่าต้นน้ำแปลงนี้กันอย่างครึกโครม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากเปิดภาพแผนที่ทางอากาศผืนป่าถูกบุกรุกนำมาเปรียบเทียบแผนที่ระบบจีพีเอส จะสามารถชี้ชัดว่าผืนป่าที่กำลังเตรียมพัฒนาเป็นสวนน้ำดังกล่าวนั้นอยู่ในแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ และกรณีดังกล่าวไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น เพียงแต่ปัญหาถูกซุกไว้ใต้พรม ไม่ได้รับการแก้ไขมานานนับ 10 ปีจนถึงทุกวันนี้
“ภูขี้ไก่” สภาพพื้นที่เป็นเวิ้งภูเขาทั้งลูก พื้นที่ส่วนใหญ่ประมาณ 5,000 ไร่เป็นต้นน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ ที่เหลือก็เป็นเทือกเขาสูงชัน เชื่อมต่อกับเทือกเขาเพชรบูรณ์ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ครอบคลุมพื้นที่ 2 ตำบล คือ ต.หินฮาว อ.หล่มเก่า และ ต.ท่าอีบุญ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ถือเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าหลายชนิดอาศัยอยู่
ทั้งนี้ เมื่อ 5 มี.ค. 51 เจ้าหน้าที่ DSI, กระทรวงทรัพย์ฯ, กรมป่าไม้ เคยบินตรวจป่าสงวนแห่งชาติภูขี้ไก่ จ.เพชรบูรณ์ แล้วพบว่ามีนายทุนฮุบที่ออกโฉนดกว่า 2,000 ไร่ บุกรุกทำลายอีกกว่า 4,000 ไร่ นับจากนั้นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็บุกตรวจสอบการบุกรุกป่าสงวนภูขี้ไก่อย่างต่อเนื่อง
3 มี.ค. 2555 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ หน่วยป้องกันรักษาป่า พช.18 (น้ำชุน) และป่าไม้อีกกว่า 10 หน่วย พร้อมทหารชุดเฉพาะกิจกองทัพภาคที่ 3 สายตรวจป่าไม้ภาคเหนือ, ศปย.ที่ 2, หน่วยนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 นครสวรรค์ ฯลฯ ตรวจสอบผืนป่าบริเวณภูขี้ไก่ ต.ท่าอิบุญ อ.หล่มสัก จับพิกัดพบพื้นที่ถูกบุกรุกจำนวน 1,320 ไร่
ต่อมาปี 56 พบว่าปัญหารุกผืนป่าภูขี้ไก่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากยางพารามีราคาสูง กระตุ้นให้นายทุนบุกรุกป่า โดยเฉพาะผืนป่า 3 จังหวัดทั้งพิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ซึ่งหมายรวมถึงภูขี้ไก่กันมากขึ้น โดยหาช่องออกโฉนดครุฑเขียว-นำปักหลักหมุดแสดงแนวเขตเป็นเครื่องยืนยัน
เพราะผืนป่าในพื้นที่ อ.หล่มเก่า และ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ บางส่วนไม่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แต่สภาพพื้นที่เป็นป่ารกทึบ ถือเป็นป่า 2484 ซึ่งกลายเป็นช่องว่างให้นายทุน และเจ้าหน้าที่กรมที่ดินสามารถเดินออกโฉนดตราครุฑเขียวครอบผืนป่าได้
กระทั่ง 6 มิ.ย. 56 ชาวบ้านโป่งค่าง และคงทิพย์ ต.ท่าอิบุญ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ออกมาร้องเรียนว่ามีการออกโฉนดทับที่ทำกินของชาวบ้าน (ภูขี้ไก่ 2) มีหลักเสาปูนสีแดงแสดงอาณาเขตตามแนว ระยะทาง 3-4 กิโลเมตร แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพบหลักหมุดโฉนดที่ดินฝังอยู่ในป่า และครอบคลุมบ้านเรือนของชาวบ้านด้วย
นอกจากนี้ยังตรวจพบด้วยว่าระวางแปลงที่ดินถูกลากเส้นตรงและออกโฉนด โดยที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ซอยเป็นแปลง แปลงละไม่เกิน 50 ไร่ โดยผู้ถือกรรมสิทธิ์รายแรกเมื่อปี 2542 เป็นคนกรุงเทพมหานคร ก่อนถูกซื้อต่อไปหลายทอด-ติดจำนองธนาคารพาณิชย์ก็ไม่น้อย
กรณีดังกล่าวกรมป่าไม้ตรวจสอบและส่งเรื่องไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ แต่ทุกอย่างนิ่งเงียบ เนื่องจากที่ดินมีโฉนด และไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติใดๆ
นายมานพ สายอุ่นใจ ป่าไม้อาวุโส อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการยุทธการแก้ไขปัญหาวิกฤตป่าไม้ของชาติที่ 2 หรือ ศปย.ที่ 2 พล. เคยระบุว่า คดีรุกป่าบริเวณบ้านโป่งคาง ต.ท่าอิบุญ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเรื่องไว้พิจารณา
ทว่า วันนี้..นายมานพถูกย้ายสดๆ ร้อนๆ จากเก้าอี้ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน ลดชั้นไปเป็นผู้อำนวยการส่วนอำนวยการ สำนัก 4 สาขานครสวรรค์ แต่ยังไม่ทันขนย้ายของก็มีคำสั่งล่าสุดออกมาซ้ำ สั่งย้ายไปเป็น ผอ.ส่วนอำนวยการ สำนัก 5 สาขาสระบุรี แทน
สะท้อนให้เห็นว่าการแก้ปัญหานายทุนฮุบภูขี้ไก่ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมาไม่ได้คืบไปไหน ทุกอย่างยังเหมือนเดิม..บรรดานายทุน นักการเมืองท้องถิ่น และข้าราชการ ยังคงนำเอกสารการครอบครองไปขอออกโฉนด โดยไม่มีการไต่สวนใดๆ ทำให้ที่ดินป่าสงวนภูขี้ไก่ถูกนำไปออกโฉนดแล้วหลายพันไร่ แถมลุกลามต่อเนื่องถึงภูขี้ไก่ 2 จนชาวบ้าน 2 ตำบล คือ หินฮาว และท่าอีบุญ ก็เข้าไปหาของป่าไม่ได้
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า วันนี้ (30 ต.ค.) นายบุญลาภ สุกใส ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรที่ 4 สาขาพิษณุโลก พร้อมคณะได้เดินทางไปยังภูขี้ไก่เพื่อไปติดตามแก้ปัญหาดังกล่าว พร้อมดูเส้นทาง เนื่องจากทราบว่ามีการตัดไม้หวงห้ามบางชนิด แต่อาจไม่สามารถกระทำอะไรได้มาก เพราะพื้นที่ 1,800 ไร่ถูกระบุว่ามีโฉนด ส่วนกรณีที่บอกว่า ออกโฉนดโดยมิชอบนั้น ยังเป็นคดีอยู่กับ DSI ซึ่งการเพิกถอนโฉนดขึ้นอยู่กับกรมที่ดิน และจังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนกรมป่าไม้คงไม่มีหน้าที่ใดๆ แม้ถูกอ้างว่าปล่อยนายทุนบุกรุกจนกลายเป็นภูเขาหัวโล้นก็ตาม


