เชียงราย - กลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงจัดทุนหนุนไทยศึกษาแนวทางผุดเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วม “สนธิรัตน์” เล็งดัน “เชียงของ” เป็นแห่งแรก ปั้นเป็นเขต ศก.พิเศษไทย-ลาว-จีน พร้อมเล็งดึงพม่าร่วมด้วยอีกประเทศ
วันนี้ (29 ต.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และคณะ ได้ลงสำรวจพื้นที่ชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เชียงของ จ.เชียงราย พร้อมประชุมหารือกับหอการค้าฯ ภาคประชาชน ฯลฯ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษข้ามพรมแดน ณ โรงแรมเชียงของ ทีคการ์เด้น ริเวอร์ฟร้อนท์ อ.เชียงของ
นายสนธิรัตน์กล่าวว่า กลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง-แม่น้ำล้านช้างได้ให้ทุนประเทศไทยศึกษาจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษข้ามพรมแดน หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วม ซึ่งทางกระทรวงพาณิชย์เห็นว่า อ.เชียงของเหมาะสมมากที่สุด และได้รับการคัดเลือกเป็นจุดแรกในการดำเนินการ
โดยจะศึกษาแนวทางพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน 3 ประเทศ คือ ไทย สปป.ลาว และจีนตอนใต้ เพราะปัจจุบันจีน-สปป.ลาวมีเขตเศรษฐกิจร่วมกันอยู่แล้ว และหลายประเทศลุ่มแม่น้ำโขงก็มีความร่วมมือกัน แต่ไทยยังไม่เคยมีเขตเศรษฐกิจร่วมกับประเทศใดมาก่อนเลย
นายสนธิรัตน์กล่าวอีกว่า เชียงของถูกประกาศเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนเชียงรายอยู่แล้ว ส่วนแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาวที่อยู่ตรงข้ามกันก็เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ขณะที่ชายแดนจีน-สปป.ลาว ด้านบ่อเต็น-บ่อหาน ก็เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมกัน โดยมีถนนอาร์สามเอเชื่อมระหว่างไทย-สปป.ลาว-จีน ด้วยระยะทางที่ไม่ไกล
“รูปแบบนั้นอาจจะเป็นเรื่องสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากร ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีศุลกากร หรือแม้แต่คลังสินค้าทัณฑ์บนก่อนเข้าสู่กระบวนการเสียภาษี”
ในการดำเนินการนั้นจะมีการศึกษาอย่างละเอียดก่อน จากนั้นนำเสนอในที่ประชุมร่วมกลุ่มแม่น้ำโขง-แม่น้ำล้านช้าง ในเวทีต่างๆ ทั้งในระดับสูงและระดับเจ้าหน้าที่ทั่วไป และคงมีการทำข้อตกลงเจรจากันผ่านเวทีประชุมระดับต่างๆ ตามปกติ เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ร่วมกันก่อนดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการดูพื้นที่แล้วเราก็มีเป้าหมายที่ต้องดำเนินการเฉพาะพื้นที่ของไทย (เชียงของ) ทันที คือเรื่องการสนับสนุนให้การใช้ถนนอาร์สามเอได้สะดวก เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวจีนที่เคยเดินทางผ่านชายแดน อ.เชียงของอย่างคึกคักในอดีตกลับเข้ามาได้ง่ายอีกครั้ง ซึ่งจากการศึกษาพบว่ามีปัญหาบางอย่างที่จะได้นำเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมต่อไป
นายสนธิรัตน์กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมก็ดำเนินการไปในทุกเวที และหากสามารถดึงประเทศพม่าเข้ามาร่วมได้ก็จะกลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วม 4 ชาติได้เลย ทั้งนี้ ความร่วมมืออาจมาในรูปแบบของการเริ่มพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก่อนก็ได้ เช่น ปัจจุบันถนนอาร์สามเอมีสภาพที่ไม่สะดวกทำให้แต่ละประเทศอาจหารือกันเพื่อทำการปรับปรุงเส้นทางให้ใช้ได้สะดวกต่อไป เป็นต้น
อนึ่ง ในปี 2560 ที่ผ่านมามีการนำเข้าสินค้าผ่านด่านศุลกากรเชียงของมูลค่า 6,329.07 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลไม้สด ผักสด เครื่องจักรและอุปกรณ์ ดอกไม้ไม้ประดับ ฯลฯ และส่งออกมูลค่า 15,418.42 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ผลไม้สด ข้าวสาร น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว วัสดุก่อสร้าง ยางพาราและเศษยางพารา ฯลฯ และตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560-มิ.ย. 2561 นี้มีการนำเข้ามูลค่า 3,702.30 ล้านบาท และส่งออกมูลค่า 12,637.022 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการค้ากับประเทศจีนผ่านถนนอาร์สามเอ
