พิจิตร - ชาวเมืองชาละวันได้ยิ้มกันถ้วนหน้า..หลังปลูกข้าวหอมสกล หรือ กข.15 แล้วโดนกดราคาเป็นข้าวหอมจังหวัดมานาน ล่าสุดปีนี้ขายได้ในราคาหอมมะลิแล้ว
นายอัครวินท์ เกษวิริยะการ ประธานสหกรณ์ชาวนาวังทรายพูน และ นางสาวเพ็ชรปภัสร เพ็ชรประยูร ผจก.สหกรณ์ชาวนาวังทรายพูน จ.พิจิตร เปิดเผยถึงการซื้อ-ขายข้าวของเกษตรกรที่นำมาขายให้พ่อค้าและโรงสีที่มาตั้งจุดรับซื้อข้าวเปลือกของชาวนาวังทรายพูนว่า ช่วงนี้ชาวนาวังทรายพูนเริ่มเกี่ยวข้าวนำมาขายที่จุดรับซื้อของสหกรณ์ฯ กันอย่างคึกคัก
สำหรับข้าวที่ชาวนาวังทรายพูนปลูกส่วนใหญ่คือข้าว กข.15 หรือข้าวหอมสกล เป็นข้าวนาปี มีคุณภาพเท่าเทียมกับข้าวหอมมะลิ ซึ่งในอดีตถ้าชาวนาพิจิตรปลูกข้าวหอมมะลิ ผู้รับซื้อก็จะตีราคาให้เป็นข้าวหอมจังหวัด ขายได้ราคาต่ำกว่าข้าวหอมมะลิ 2-3 พันบาท
แต่ปัจจุบันนี้ข้าวหอมจังหวัดจะไม่มีอีกแล้ว ถ้าปลูกข้าวหอมมะลิต้องขายได้ราคาเป็นข้าวหอมมะลิเท่านั้น คือ ข้าวเกี่ยวสดความชื้นประมาณ 25% ราคาตันละ 12,600 บาท ข้าวแห้งได้ราคา 13,200 บาท/ตัน (ราคาขึ้น-ลงตามภาวะตลาด) ซึ่งส่งผลให้เกษตรกรมีขวัญและกำลังใจ เพราะมีรายได้จากการขายข้าวหอมมะลิอย่างเป็นกอบเป็นกำ
ขณะนี้การเก็บเกี่ยวข้าวหอมสกล หรือ กข.15 ในท้องทุ่งนาแถบนี้เหลืออีกไม่มากนักก็จะหมดรุ่นแล้ว แต่ในช่วงวันที่ 5-15 พ.ย. 61 พื้นที่ที่ปลูกข้าวหอมมะลิในเขตวังทรายพูน หลายหมื่นไร่ก็จะได้เวลาเก็บเกี่ยว คาดราคารับซื้อข้าวหอมมะลิน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่านี้อีก
นายเสริม สุวรรณนุช อายุ 73 ปี อยู่บ้านเลขที่ 223 หมู่ 10 ต.หนองปล้อง อ.วังทรายพูน ซึ่งทำนา 2 แปลง 50 ไร่ เก็บเกี่ยวแล้วนำข้าวมาขายที่สหกรณ์ฯ และ นายแสงอุทิตย์ มาศวิชัย อยู่บ้านเลขที่ 174 หมู่ 1 ต.หนองพระ ซึ่งทำนาปลูกข้าวหอมมะลิ 30 ไร่ บอกว่า โชคดีของชาวนาพิจิตรที่ปีนี้ปลูกข้าวหอมสกลแล้วได้ขายเป็นข้าวหอมมะลิอย่างแท้จริง แถมราคาข้าวในช่วงนี้ก็น่าพอใจ จึงอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญต่อเรื่องราคาผลผลิตทางการเกษตร เพราะเป็นรายได้หลักของชาวนาไทย แต่วันนี้ยืนยันว่าพอใจกับราคาที่ได้รับ