ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ศิลปากรเชียงใหม่แจงชัดกำแพงเมืองประตูท่าแพเป็นโบราณสถานตามกฎหมาย แม้สร้างใหม่ปี 2528 แต่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติตั้งแต่ปี 2478 แล้ว ชี้บทลงโทษหนัก 2 นักท่องเที่ยวต่างชาติพ่นสีสเปรย์ใส่
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ จับกุมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 2 คน ที่ก่อเหตุใช้สีสเปรย์ฉีดพ่นเขียนข้อความลงบนกำแพงเมืองเชียงใหม่บริเวณประตูท่าแพ ด้านในคูเมืองเชียงใหม่ เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 18 ต.ค. 61 โดยดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 มาตรา 32 ผู้ใดบุกรุกโบราณสถาน หรือทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปีหรือปรับไม่เกินเจ็ดแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ หากกระทำต่อโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถติดตามจับกุมตัวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 2 คน ที่ก่อเหตุดำเนินคดีตามกฎหมายได้แล้ว แต่พบว่าบรรดาผู้ใช้โซเชียลมีเดียโดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังคงมีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในประเด็นที่ว่า กำแพงเมืองที่ถูกนักท่องเที่ยวใช้สีสเปรย์ฉีดพ่นเขียนข้อความนั้น เป็นโบราณสถานหรือไม่ โดยผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนมากที่เชื่อว่ากำแพงเมืองดังกล่าว ไม่ได้เป็นโบราณสถาน เพราะกำแพงดังกล่าวเพิ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อประมาณปี 2528 ขณะที่ผู้คนอีกจำนวนมากเช่นกันมองว่ากำแพงเมืองดังกล่าวนี้เป็นโบราณสถาน เพราะแม้จะถูกสร้างขึ้นใหม่แต่ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน และการสร้างนั้นจำลองขึ้นมาตามหลักฐานประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีหลายคนที่แสดงความเห็นด้วยว่าโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีรุนแรงเกินไป
ทั้งนี้ นายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตามบทบัญญัติและนิยามใน พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 กำแพงเมืองเชียงใหม่ บริเวณประตูท่าแพ ถือเป็นโบราณสถาน แม้ว่าในส่วนของกำแพงนั้น จะเพิ่งมีการบูรณะและสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2528 แต่เป็นไปตามบัญญัติใน พ.ร.บ.โบราณสถานฯ ที่ว่าสิ่งใดจะเป็นโบราณสถานต้องเข้าหลักเกณฑ์ ได้แก่ เป็นอสังหาริมทรัพย์ และโดยอายุหรือโดยลักษณะแห่งการก่อสร้างหรือโดยประวัติเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้น เป็นประโยชน์ในทางศิลปะ ประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดี ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นว่าประตูท่าแพและกำแพงเมือง เข้าองค์ประกอบตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว เพราะกำแพงเมืองและคูเมืองเชียงใหม่ ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติตั้งแต่ปี 2478 ดังนั้นแม้ว่าจะเพิ่งมีการสร้างกำแพงเมืองประตูท่าแพเมื่อปี 2528 แต่เป็นการสร้างที่สื่อสัญลักษณ์แสดงความเป็นกำแพงเมืองบนรากฐานกำแพงเมืองเดิมตามหลักฐานประวัติศาสตร์
ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้ง 2 คน ตามความผิดมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.โบราณสถานฯ ในกรณีนี้ที่ก่อเหตุกับโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนแล้ว มีโทษจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับนั้น ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ระบุว่า เป็นหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการในฐานะเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่บทลงโทษนั้นเป็นสิ่งที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.โบราณสถานฯ อยู่แล้ว เพื่อเป็นการปกป้องรักษาทรัพย์สมบัติที่เป็นมรดกทางศิลปะและประวัติศาสตร์ของประเทศชาติ