xs
xsm
sm
md
lg

แม่ค้าร้านอาหารพาลูกชายร้องสื่อ ถูกขาใหญ่นครปฐมชักปืนยิง-รุมเตะคาร้าน ผ่าน 2 เดือนคดีไม่คืบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นครปฐม - เจ้าของร้านอาหารใน อ.สามพราน พาลูกชายร้องเรียนผ่านสื่อ ถูกแก๊งขาใหญ่นครปฐมหาเรื่องขณะกำลังเสิร์ฟอาหาร แล้วชักปืนยิงใส่ขา ก่อนรุมเตะทั้งที่ยกมือไหว้ขอโทษ แม่ออกมาร้องขอก็ยังเตะซ้ำคาอ้อมกอด จนแขนหักบิดเบี้ยวผิดรูป ผ่านไป 2 เดือนคดีไม่คืบ หวั่นคนร้ายหวนกลับมาทำร้ายคนในครอบครัวอีก

วันนี้ (22 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.สุนันท์ หรือเจ๊นันท์ อ่อนศิริ และนายนันทวัฒน์ หรือเวย์ อ่อนศิริ อายุ 19 ปี บุตรชาย อยู่บ้านเลขที่ 122 ม.2 ต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ว่า ลูกชายได้ถูกลูกค้าที่เข้ามาสั่งอาหารชักปืนยิงใส่ และรุมเตะจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยได้แจ้งความไว้ที่ สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม นานกว่า 2 เดือน แต่จนถึงวันนี้คดีไม่มีความคืบหน้า หวั่นจะได้รับอันตราย และกลับมาทำร้าย เนื่องจากคนก่อเหตุเป็นลูกชายคนมีฐานะ และยังเคยถูกจองจำในคดียิงคนตายมาแล้ว

น.ส.สุนันท์ เล่าถึงเหตุการณ์ระทึกตามภาพในกล้องวงจรปิดว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 02.20 น. ของคืนวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งตนเองได้เปิดร้านขายอาหารตามปกติ จากนั้นได้มีลูกค้าประจำ คือ นายจักร (ไม่ทราบชื่อจริง) ศิลาประเสริฐ ได้มาถึงที่ร้านก่อน จากนั้นได้มีชายอีก 1 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ สีบรอนซ์เงิน มาจอดที่หน้าร้าน ทราบชื่อต่อมาคือ นายพัศพงษ์ อู่ตะเภา หรือฉายา เอกชิน เมื่อมาถึงหน้าร้านได้ชักอาวุธปืนที่ติดตัวมาออกจากเอวขึ้นโชว์เพื่อน และมีแมกกาซีนตกลงที่พื้น โดยมีลักษณะอาการคล้ายคนเมามาก่อนแล้ว

จากนั้นได้มานั่งรวมกันที่หน้าร้าน ที่โต๊ะริมถนน โดยมีเพื่อนร่วมโต๊ะรวม 4 คน ซึ่งตนเองได้เดินมารับออเดอร์ก็ยังพูดจากันปกติ จากนั้นได้เดินกลับไปทำอาหาร 2 เมนูที่สั่งไว้ เวลาเดียวกัน ลูกชายคือ น้องเวย์ ได้เดินไปเสิร์ฟแต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ด้วยความตกใจจึงวิ่งเข้าไปดู และพบว่า นายพัศพงษ์ ได้ชักปืนขึ้นมาแล้วด่าลูกชาย จึงได้วิ่งไปยกมือไหว้และขอไม่ให้มีเรื่องกัน แต่เมื่อลูกชายนั่งลงกับพื้น นายพัศพงษ์ ได้เข้าไปเตะที่ใบหน้าของลูกชาย

โดยตนเองได้พยายามดึงลูกชายเข้ามาในอ้อมกอดแล้ว แต่กลับมีเพื่อนในกลุ่ม 3 คนสลับกันเตะเข้าที่ใบหน้าลูก ทั้งๆ ที่ตนเองได้พยายามตะโกนบอกว่า ลูกหนูเอง หลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งช่วงนั้นกลัวมาก เพราะ 3 ใน 4 คนนั้นพกปืนมาด้วย ไม่รู้ว่าใครจะชักปืนขึ้นยิงตนเองกับลูกชาย แต่เมื่อมาดูกล้องวงจรปิดก็ต้องตกใจเพราะเห็นว่าช่วงที่มีเสียงปืนดังเขาพยายามจะยิงไปที่ขาของลูกชาย แต่กระโดดหลบได้ทันก่อนจะมีการรุมเตะลูกชายในอ้อมอกของตัวเองโดยไม่สนว่าจะมีผู้หญิงเข้าไปร้องขอแล้ว

นางสุนันท์ กล่าวอีกว่า วันรุ่งขึ้นตนเองได้โทร.สอบถามคนชื่อจักร ที่เป็นเพื่อนของนายเอกชิน ว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไร เพราะไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับคำตอบ ต่อมา วันที่ 18 สิงหาคม จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความและนำหลักฐานไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สภ.กำแพงแสน โดยได้นำหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งทางตำรวจได้ให้ไปตรวจร่างกาย โดยแพทย์สรุปว่า กระดูกแขนขวาของลูกชายหักเพิ่ม 1 จุด และข้อมือหลุด จะต้องมีการผ่าตัดแก้หลายจุด ซึ่งตอนนี้ครอบครัวลำบากเพราะลูกชายที่เป็นกำลังหลักในร้านทำงานไม่ถนัด ตอนนี้ตนเองต้องทำทุกอย่างในร้าน เหนื่อยมาก และยังหวาดกลัวอีกด้วย

ดิฉันต้องออกมาร้องต่อสื่อเพราะรู้สึกหวาดกลัว เนื่องจาก 2 เดือนที่ผ่านมา ทางตำรวจที่รับคดีนั้นได้มีการแจ้งให้ไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติมโดยเฉพาะบาดแผลที่แขนขวา ซึ่งครั้งแรกลูกชายกลัวการผ่าตัดจึงได้นำเอกสารจากตำรวจไปทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลไม่ได้นำกลับมาด้วย แต่เมื่อกลับไปขออีกพบว่า ทางโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม แจ้งว่า ต้องทำหลักฐานใหม่โดยให้แพทย์ชันสูตรเป็นผู้ตรวจจึงจะออกใบรับรองการบาดเจ็บให้ได้ ซึ่งที่ร้านไม่มีคนช่วยจึงได้กลับมาทำงาน ซึ่งลูกชายพยายามฝืนเจ็บช่วยตนทำงานทุกวัน จนถึงขณะนี้เรื่องกลับเงียบไป

น.ส.สุนันท์ เผยอีกว่า เท่าที่รู้ คือ นายพัศพงษ์ และนายจักร ที่เห็นในคลิปคือ 2 คนที่ชักปืนออกมาชัดเจนนั้นมีคดีติดตัว โดยคนแรกมีคดียิงคนตาย ซึ่งเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่กี่ปี และยังถูกคุมประพฤติอยู่ ส่วนนายจักร มีคดีในการพกอาวุธปืน ทั้งคู่มีคดีติดตัวซึ่งหลักฐานที่มีชัดเจนในกล้อง แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่มีการออกหมาย หรือเรียกตัวมาดำเนินคดีใดๆ เป็นที่รู้กันว่าบุคคลกลุ่มนี้ อยู่ในกลุ่มคนที่มีอิทธิพลในตัวเมืองนครปฐม ชอบขี่รถ จยย.บิ๊กไบค์ มีแก๊งใหญ่ ตนเองเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย เพราะตำรวจยังเงียบ คิดว่าวันหนึ่งอาจจะถูกยิงเหมือนกับหลายคดีที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครปฐม และที่ดูข่าวมายังเคยคิดว่าทำไมพกปืนง่าย และยิงกันง่ายๆ หลายคดี แต่เมื่อมาเจอเองแล้วทำให้รู้ว่าความปลอดภัยของชีวิตคนนั้นไม่มี แม้จะขายข้ามต้มกลางดึกมาเกือบ 20 ปี เจอคนเมา หรือนักเลงที่มากินข้าวต้มตอนดึกหลายครั้งจนชิน เพิ่งมาเจอเหตุการณ์นี้ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมจะร้องขอความปลอดภัยต่อผู้บังคับการจังหวัดนครปฐม และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ต่อไป

ด้าน นายนันทวัฒน์ ได้เปิดให้ดูบาดแผลที่แขนขวา ได้มีการผิดรูปอย่างเห็นได้ชัด 2 จุด โดยบอกว่า วันที่เกิดเหตุตนเองไม่ได้คิดอะไร เห็นคนที่ขี่บิ๊กไบค์มีท่าทางเหมือนคนเมา เมื่อลงมาจากรถได้ชักปืนที่อยู่ในกระเป๋าคาดเอวมาโชว์เพื่อนและได้ขยับมาใส่เอวไว้ เหมือนคนพร้อมจะมีเรื่อง แต่ตนเองเจอคนกลางคืนมาเยอะซึ่งไม่ได้กลัวอะไร

โดยเมื่อเขาสั่งของเสร็จตนเองได้เดินไปเสิร์ฟของตามปกติ แต่เขาพูดแซวอะไรมาสักอย่างจำไม่ได้ ตนเองได้แซวกลับไปเหมือนปกติที่มีการพูดหยอกล้อกับลูกค้าที่มาร้าน เพราะเห็นว่ามีคนรู้จักนั่งในโต๊ะ เมื่อตนเองเดินกลับมาอีกครั้ง นายเอกชิน ได้พูดลักษณะคล้ายว่าจะยิง ตนเองได้บอกไปว่าไม่กลัว จากนั้นเขาก็ชักปืนขึ้นทันที และพยายามจะยิงใส่แถวๆ ขา ตนเองเห็นแล้วจึงได้กระโดดหลบเฉียดกระสุนไปนิดเดียว

จากนั้น นายเอกชิน ได้ด่าทอแสดงความไม่พอใจ เมื่อตนเองเห็นว่าเขากำลังโกรธก็รีบพยายามยกมือไหว้ขอโทษหลายครั้ง แต่เขาไม่หยุด และสั่งให้ผมนั่งลง ผมก็นั่งลง และพูดขอโทษไปด้วย แต่เขาไม่หยุด และตรงเข้าเตะเสยหน้า 1 ครั้ง แต่ตนเองได้เอาแขนขวาบังไว้ ก่อนที่เพื่อนเขาอีก 2-3 คน ได้เวียนกันเข้ามาสลับเตะใส่ที่หน้า ซึ่งทุกครั้งตนเองต้องยกแขนที่เคยหักอยู่บังหน้าไว้

หนึ่งในคนกลุ่มนั้นพูดว่า “มึงไม่รู้ซะแล้วว่าเล่นกับใคร” ซึ่งช่วงนั้นแม่ได้มากอดและช่วยร้องขอคนพวกนั้นให้หยุดเตะ และสั่งให้ตนเดินกลับเข้าไปในร้าน เมื่อมาดูแขนพบว่ามันเบี้ยวผิดรูป และปวดมาก ซึ่งถึงวันนี้แขนก็ผิดทรงมากขึ้นและมีก้อนเนื้อในจุดที่แขนหักเพิ่มจากแรงเตะ และหมอบอกว่า ต้องผ่าตัดรื้อใหม่ทั้งหมดเพราะแขนเดิมที่เคยหักเพราะรถล้มกำลังรอให้กระดูกติดกันมาหักซ้ำอีกท่อน ส่วนข้อมือที่หลุดจากท่อนแขนก็เสียทรงมีการปวดตลอดเวลา และขยับไม่ได้มาก

นายนันทวัฒน์ บอกว่า ทุกวันนี้ตนเองมาช่วยแม่เสิร์ฟข้าวต้มตอนกลางคืนต้องคอยระวังว่า นายเอกชิน กับพวกจะกลับมาที่ร้านวันไหน เมื่อได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ผ่านมาก็จะระแวงตลอด ที่กลัวมากคือ กลัวเขากลับมาทำร้ายแม่ ยิ่งถ้ามาร้องขอความเป็นธรรมออกสื่อเป็นข่าวกลัวเขาจะยิ่งโกรธแค้น แต่ถ้าคดีคืบหน้าไม่หายไปนาน 2 เดือน ก็จะไม่คิดอะไร แต่นี่เรื่องเงียบไปเลย แม้จะแจ้งความไปแล้ว โดยกลัวว่าเขามีทั้งเงิน มีทั้งพรรคพวกที่จะฝากใครมาปั่นป่วน หรือทำร้ายได้ ตนเองเป็นเสาหลักช่วยแม่ทำงานหาเงินเลี้ยงน้องๆ ในบ้านถ้าตนเองเป็นอะไรไป แม่ ยาย และน้องกับหลานจะลำบาก อยากให้ตำรวจเร่งจับกุมตัวมาดำเนินคดี เพราะในภาพกล้องวงจรปิดเหมือนเขาพกปืนแบบไม่กลัวกฎหมาย ซึ่งถ้าคืนนั้นมีลูกค้านั่งอยู่โดนลูกหลงไปด้วยจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่ตนเองโดนกระทำ



กำลังโหลดความคิดเห็น