ศรีสะเกษ - เปิดเบื้องหลังความสำเร็จ! “วิสาหกิจชุมชนบ้านอุ่มแสง” อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ แชมป์นาแปลงใหญ่ดีเด่นของไทย แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ครบวงจรทุ่งกุลาร้องไห้ ส่งขายตลาดทั่วโลกปีละ 50 ล้าน
วันนี้ (15 ต.ค.) นายบุญมี สุระโคตร เป็นประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมการเกษตรที่ 7 นครราชสีมา ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 155 บ้านอุ่มแสง ต.ดู่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เจ้าของรางวัลชนะเลิศนาแปลงใหญ่ระดับประเทศประจำปี 2561 เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการประกอบอาชีพของเกษตรกรส่วนใหญ่ในพื้นที่เป็นการทำนาแบบการหว่านข้าวแห้ง มีการใช้ปุ๋ยเคมีและยาปราบศัตรูพืชกันมากขึ้น นอกจากจะเป็นการเพิ่มต้นทุนด้านปัจจัยการผลิตแล้ว การใช้สารเคมียังเสี่ยงต่อการได้รับสารเคมีทั้งทางตรงและทางอ้อมทั้งผู้ผลิตเองและผู้บริโภค
กลุ่มเกษตรกรในหมู่บ้านอุ่มแสงจึงมีแนวความคิดที่จะช่วยกันลดต้นทุนด้านการผลิต และได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ด้วยการลดรายจ่าย ลดต้นทุนการปลูกข้าวควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ประกอบกับได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่เกษตรด้านเกษตรอินทรีย์ การแปรรูปข้าวและการสร้างกลุ่มเครือข่าย
โดยเริ่มจากการไม่เผาตอซังแต่ไถกลบตอซัง และหว่านพืชปุ๋ยสด ปอเทือง และถั่วพร้า พร้อมหาสมาชิกที่มีแนวคิดที่คล้ายกันจัดตั้งกลุ่มขึ้นในนาม “กลุ่มเกษตรทิพย์” เริ่มต้นด้วยการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพใช้กันเองในกลุ่มสมาชิก ปีแรกมีสมาชิกร่วมกันก่อตั้งกลุ่มทั้งหมด 74 ราย ระดมเงินทุนได้ 608,000 บาท จากนั้นได้จดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนขึ้นเมื่อ 13 มีนาคม 2549 เพื่อแปรรูปผลผลิตที่สมาชิกเกษตรกรผลิตขึ้นเป็นการช่วยเหลือสมาชิกเกษตรกรในพื้นที่
นายบุญมีกล่าวต่อว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านอุ่มแสง ผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ครบวงจรทุ่งกุลาร้องไห้ได้พัฒนาตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเข้าอบรมกับหน่วยงานรัฐ การเปิดตลาด การสร้างตลาดใหม่ และช่วงชิงโอกาสทางการตลาดต่างๆ ทางกลุ่มไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเองเลย จนประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศวิสาหกิจชุมชนระดับจังหวัดศรีสะเกษมาครองได้สำเร็จ แต่ทางกลุ่มฯ ยังมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และไม่นานคว้ารางวัลชนะเลิศระดับเขต (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) และยังคว้ารางวัลวิสาหกิจดีเด่นระดับประเทศด้วย
ด้วยความเข้มแข็งที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จึงมีการขยายสมาชิกกลายเป็น “กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ข้าวเกษตรอินทรีย์ครบวงจร” โดยปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 1,258 ครัวเรือน พื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์ 20,716 ไร่ (ข้าวหอมมะลิ 105 จำนวน 20,077 ไร่, ข้าวไรซ์เบอร์รี 539 ไร่, ข้าวมะลินิล จำนวน 63 ไร่, ข้าวมะลิแดง จำนวน 37 ไร่) บนผืนดินทุ่งกุลาร้องไห้ มีคณะกรรมการกลางเป็นผู้กำหนดทิศทางการผลิตและการจัดการตลาด และมีคณะกรรมการกลุ่มย่อยอีก 5 กลุ่มนำแนวทางดังกล่าวไปวางแผนการผลิตในกลุ่มของตนเอง
สมาชิกรายย่อยแต่ละกลุ่มจะมีการวางแผนร่วมกัน การผลิตตามชนิดพันธุ์และมาตรฐานการตรวจรับรองคุณภาพที่ตนเองได้รับ และคณะกรรมการกลุ่มจะรวบรวมผลผลิตของสมาชิกในการจัดจำหน่ายให้แก่คณะกรรมการกลางกลุ่มแปลงใหญ่ ภายใต้ชื่อ “วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง” จะได้นำมาแปรรูปและจัดจำหน่ายในตราสินค้าชื่อ “ลุงบุญมี” ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล ทั้ง IFAOM, EU, NOP, Fair Trade และมีสัดส่วนการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศกว่า 80% มีการสั่งซื้อแบบ pre-order กับตลาดยุโรปเป็นตลาดหลัก และอีก 20% เป็นการขายในประเทศในรูปแบบต่างๆ เช่น ข้าวอินทรีย์แปรรูป จมูกข้าวกล้องงอกพร้อมดื่ม ขนมที่ทำจากข้าวกล้องงอก
จากการรวมกันผลิตในลักษณะเกษตรแปลงใหญ่ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านรายได้ที่ทำให้เกษตรกรได้รับมูลค่าเพิ่มจากการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และการพัฒนาคุณภาพจนได้มาตรฐานอินทรีย์รวมมูลค่า 48.7 ล้านบาทต่อฤดูกาลผลิต หรือประมาณ 38,738 บาท/ครัวเรือน ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ยังมีการใช้พื้นที่การเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการทำกิจกรรมผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ การเพาะปลูกถั่วเหลืองอินทรีย์หลังนาเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน ให้เกิดการทำการเกษตรอย่างยั่งยืน และมีรายได้เสริมในช่วงฤดูแล้ว
“ทุกวันนี้เราพึ่งพาตนเองได้แล้ว ไม่ได้ฝากชีวิตไว้กับคนอื่น เราทำเองจัดการเองทุกอย่าง”
“ด้วยศักยภาพและพัฒนาการของกลุ่มฯ ทำให้ล่าสุดแปลงใหญ่วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง ต.ดู่ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ได้รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ระดับประเทศ ประจำปี 2561 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ล้วนมาจากความสำเร็จทุกด้านของกลุ่มฯ ทั้งเรื่องการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพผลผลิต และสามารถ บริหารจัดการการผลิตได้เป็นอย่างดี จึงเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มฯ ที่จะขับเคลื่อนในการเปิดตลาดข้าวอินทรีย์ของไทยให้กว้างไกลไปทั่วโลกต่อไป” นายบุญมี กล่าวในตอนท้าย