ศูนย์ข่าวขอนแก่น - คณาจารย์ ม.ขอนแก่นวางพวงหรีดหน้าตึกอธิการบดีฯ แฉบริหารงานไม่โปร่งใส เอื้อประโยชน์พวกพ้อง โร่ร้องศาลปกครอง-ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 เอาผิดอธิการบดีและผู้เกี่ยวข้อง 45 คน แฉซ้ำกระบวนการสรรหาอธิการบดีฯ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (10 ต.ค.) ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ผศ.ดรุณ โกฎิมนัสวนิชย์ อาจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ พร้อมด้วย รศ.สุธา ภูมิสิทธิ์ศักดิ์ อดีตประธานสภาคณาจารย์ มข. และ นางฉวีวรรณ มีเคลือบ นิติกรคณะแพทยศาสตร์ มข. นำตัวแทนคณะอาจารย์ และบุคลากร ของ มข.รวม 10 คนร่วมกันนำพวงหรีด เขียนชื่อนายเตช บุนนาค อดีต รมว.ต่างประเทศ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอุปนายกสภา มข.และประธานคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี มข.คนที่ 11, นายสุรพล เพชรวรา กรรมการสภาฯ และ นายวิชัย ธัญญพานิชย์ กรรมการสภาฯ
โดยร่วมกันยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้คณะกรรมการสภาฯ และผู้บริหาร มข.ในชุดปัจจุบัน หลังพบความไม่โปร่งใสในการบริหารงานและเอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้องอย่างชัดเจน หลังจากนั้นคณะอาจารย์และบุคลากร มข.ได้นำพวงหรีดทั้ง 3 ไปวางไว้ที่ศาลเจ้าพ่อมอดินแดง
ผศ.ดรุณ โกฎิมนัสวนิชย์ อาจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ มข.ในฐานะแกนนำคณาจารย์และบุคลากร มข. กล่าวว่า คณาจารย์และบุคลากร มข.ได้มีการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองขอนแก่น และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 เอาผิด รศ,ดร.กิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย อธิการบดี มข. รวมทั้งสภามหาวิทยาลัย รวมไปถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวม 45 คน จากการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส มีการเอื้อประโยชน์ให้แก่พวกพ้อง ทั้งในเรื่องของการนำเงินของมหาวิทยาลัยไปลงทุนในกองทุนเมื่อปี 2556-2558
โดยผู้บริหารกองทุนนั้นคือนายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมถึงการลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขัดต่อระเบียบของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐในขณะนั้น ซึ่งการนำเงินไปลงทุนจะต้องได้รับการยินยอมจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เท่านั้นยังไม่พอ ในเดือน เม.ย. 2560 มข.ได้ออกนอกระบบ ผู้บริหารทั้งในส่วนของ มข.และสภา มข.ยังคงปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อ พ.ร.บ.มข. 2558 มาตรา 78 ที่ระบุว่าเมื่อมหาวิทยาลัยออกนอกระบบบุคลากรต้องได้รับเงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นไม่น้อยกว่าที่เคยได้รับ แต่กลับเป็นว่าบุคลากรของ มข.ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทั้งที่ผ่านมามีการเลื่อนเงินเดือนสองครั้งต่อปี
ยิ่งไปกว่านั้น การเลื่อนขั้นเงินเดือนในแต่ละรอบการประเมินก็ไม่สอดคล้องกับผลการประเมินการปฏิบัติราชการและไม่เป็นไปตามที่ประกาศคณะกรรมการบริหารงานบุคคลประจำมหาวิทยาลัยขอนแก่น และผู้บริหารและสภา มข.ยังคงมีการเลือกปฏิบัติด้วยการจัดสรรเงินเดือนไปให้แก่บุคลากรบางกลุ่ม โดยเฉพาะกับคนใกล้ชิดหรือพวกพ้องเท่านั้น
จึงทำให้คณาจารย์และบุคลากรของ มข.ส่วนใหญ่ไม่พอใจและขอร่วมไว้อาลัยในการบริหารงานของผู้บริหาร และสภา มข.ชุดปัจจุบัน
จึงได้รวมตัวกันยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในเรื่องของเงินเดือน และสวัสดิการของบุคลากร รวมกว่า 600 ล้านบาท รวมทั้งการยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
ผศ.ดรุณกล่าวต่ออีกว่า ประเด็นล่าสุดที่คณาจารย์และบุคลากรนั้นไม่เห็นด้วยอย่างมาก คือกระบวนการสรรหาอธิการบดี มข.คนที่ 11 ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ตามขั้นตอนนั้นได้ผ่านกระบวนการสรรหาจากการให้หน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 35 หน่วยงานภายใน มข.ได้ลงคะแนนเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งประกอบด้วย อันดับที่ 1 ศ.อภิรัฐ ศิริธราธิวัตร, อันดับที่ 2 รศ.ดร.กุลธิดา ท้วมสุข, อันดับที่ 3 รศ.ศุภชัย ปทุมนานนท์, อันดับที่ 4 รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล และ อันดับที่ 5 รศ.นพ.บวรศิลป์ ชมชื่น
แต่เมื่อเข้าสู่รอบการแสดงวิสัยทัศน์ซึ่งเป็นมติของคณะกรรมการสรรหาอธิการบดี มข. ปรากฏว่าผู้ที่ชนะการเลือกตั้งอันดับที่ 1 จากการลงคะแนนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ผ่านมา ไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาฯ ซึ่งแสดงถึงความไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่บริสุทธิ์และไม่โปร่งใส ซึ่งทั้ง 3 เรื่องที่ชาว มข.มาร่วมแสดงความไว้อาลัย และสื่อถึงความหมดหวังในการบริหารงานของผู้บริหาร และสภา มข.ชุดปัจจุบันนี้
ผศ.ดรุณระบุอีกว่า นอกจากการดำเนินงานทางคดีความแล้ว ยังจะส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาตรวจสอบสถาบันการศึกษาที่สำคัญของประเทศแห่งนี้โดยเร็วที่สุด และเรียกร้องให้ภาคประชาชนและภาคประชาสังคม รวมทั้งองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันได้เข้ามาตรวจสอบด้วย
