พิจิตร - ผอ.สำนักพุทธฯ ลุยหย่าศึกวัดบางคลาน หารืออดีตเจ้าอาวาสฯ ได้ข้อสรุปยุติตรวจสอบทรัพย์สินชั่วคราว รอกรรมการกลางตรวจแทน
หลังจาก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้หารือถึงกรณีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในวัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร เมื่อช่วงสายวานนี้ (9 ต.ค.) ในช่วงบ่ายก็ได้เดินทางไปที่วัดบางคลานเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนานกว่า 4 ปี ซึ่งแม้จะมีคำสั่งปลดพระครูพิสิฐสีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดฯ-แต่งตั้งพระครูพิสุทธิรากร รักษาการเจ้าอาวาสวัดฯแทน พร้อมตั้งกรรมการเข้าตรวจสอบทรัพย์สิน-วัตถุมงคลภายในวัด แต่ก็ยังถูกมวลชนที่ศรัทธาอดีตเจ้าอาวาสขัดขวาง และเกิดปัญหาลุกลามจนถึงขั้นรวมตัวชุมนุมในวัด-ล็อกกุญแจปิดประตูทางเข้าออกวัดรอบทิศทางมาแล้ว
ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และคณะได้เข้าไปเจรจาสร้างความเข้าใจกับอดีตเจ้าอาวาสบนกุฏิเพื่อหาทางออกของปัญหาร่วมกัน และใช้เวลาในการพูดคุยนานกว่า 2 ชั่วโมง โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนร่วมรับฟังหรือบันทึกภาพแต่อย่างใด
หลังจากนั้นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรวมถึงลูกศิษย์ของอดีตเจ้าอาวาสร่วมกันสรุปผลจากการเจรจาร่วมกันว่า ทางอดีตเจ้าอาวาสฯ ยอมรับในกระบวนการทางกฎหมาย และระหว่างนี้จะชะลอการตรวจสอบทรัพย์สินต่างๆ ของทางวัดไว้ก่อน โดยที่รักษาการเจ้าอาวาส-กรรมการวัดชุดใหม่ จะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวหรือดำเนินการขอคืนตู้เซฟที่เหลืออีก 3 ตู้ รวมถึงสมุดบัญชีธนาคารที่เหลืออยู่ ก่อนที่จะกำหนดวันและเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง และจะนำเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางเข้ามาดำเนินการเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และเพื่อให้เกิดความสบายใจทั้งสองฝ่าย
ส่วนมวลชนที่สนับสนุน-ศรัทธาอดีตเจ้าอาวาสฯ ก็ได้แยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน รอการนัดวันและเวลาที่เหมาะสมที่จะร่วมกันตรวจสอบเงินในตู้เซฟและสมุดบัญชีที่เหลืออยู่ต่อไป
อนึ่ง ก่อนหน้านี้นายกิจชัย บุญปู่ ทนายความ ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของพระครูพิสุทธิวรากร รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม ได้เปิดแถลงข่าวและให้ข้อมูลถึงการติดตามรวบรวมเงินบริจาค วัตถุมงคล วัตถุโบราณ และทรัพย์สินของวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน
โดยระบุว่านับตั้งแต่พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม เข้ามารับหน้าที่ และดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินวัด พบว่าวัดฯ มีบัญชีฝากอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นบัญชีออมทรัพย์จำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 9,980,680.28 บาท, บัญชีเงินฝากประจำจำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 29,425,768.44 บาท รวม 8 บัญชี เป็นเงิน 39,406,448.72 บาท เมื่อนำสมุดไปปรับบัญชีพบว่าทั้ง 8 บัญชีได้ดอกเบี้ยเข้ามาอีก 223,041.14 บาท
จากการเปิดตู้บริจาคที่อยู่ภายในวัดเมื่อ 23 ก.ค. ตรวจนับได้เงิน 6,189,703 บาท และยังได้ขอรับเงินพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่อดีตเจ้าอาวาสไปซื้อเอาไว้เป็นเงิน 16 ล้านบาท
สรุปยอดเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์, บัญชีเงินฝากประจำ, ดอกเบี้ยที่ได้จาก 8 บัญชี, เงินจากตู้บริจาค, เงินจากพันธบัตรรัฐบาล ทั้ง 5 รายการรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 61,819,192.86 บาท
นอกจากนี้ก็ได้ตรวจสอบเงินของวัดที่ฝากไว้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาบางมูลนาก อีก 10 บัญชี เป็นเงิน 42,674,772 บาท อีกทั้งพบการซื้อหุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2555 เป็นวงเงิน 7.1 ล้านบาท ซึ่งใบหุ้นฉบับนี้จะครบกำหนดที่จะได้รับเงินคืนปี พ.ศ. 2565 ส่วนเรื่องการตรวจนับวัตถุโบราณและวัตถุมงคลก็ได้พบงาช้าง 16 กิ่ง พระบูชาหลวงพ่อเงินมีพัดขนาด 9 นิ้ว 275 องค์ พระเครื่องชุดต่างๆ จำนวนเกือบ 1 หมื่นชิ้น, กรมธรรม์ประกันชีวิตอดีตเจ้าอาวาสที่ซื้อประกันชีวิตเมื่อปี 2557 จ่ายเบี้ยประกันปีละ 1 ล้านบาท เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งจ่ายเงินไปแล้วเฉพาะปี 2557-2559 เป็นเงิน 3 ล้านบาท ระบุผู้รับผลประโยชน์คือ วัดหิรัญญารามหรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน
