xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าอาวาสเอาโฉนดวัดไปจำนำ ตำรวจบอกยังไม่ผิดเพราะหาเงินใช้ในวัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

(แฟ้มภาพ)
อุบลราชธานี - เจ้าอาวาสวัดจำนำโฉนดที่ดินนายทุนนอกระบบยอมรับหาเงินซื้อวัสดุก่อสร้างสร้างศาลาการเปรียญ ด้านตำรวจชี้ไม่ถือมีความผิดเพราะจ่ายดอกร้อยละ 3 เท่ากับชาวบ้าน ทั้งไม่มีเจตนาเบียดบังเอาทรัพย์สินไปเป็นของตนเอง

จากกรณีชุดปราบปรามหนี้นอกระบบ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานีนำหมายศาลจังหวัดบุกค้นร้านทองและร้านรับจำนำรถยนต์ รถจักรยาน และโฉนดที่ดินไม่ขึ้นทะเบียนต่อทางการ สามารถยึดทองคำเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกำหมายกำหนด รวมทั้งยึดรถจักรยานยนต์ รถยนต์ รวมทั้งยังพบมีวัดแห่งหนึ่งใน อ.ม่วงสามสิบ นำที่ดินบริจาคมาจำนำไว้ด้วย โดยนายทุนอ้างว่าต้องการช่วยให้วัดมีเงินไปซื้อข้าวของเครื่องใช้มาปรับปรุงวัดนั้น

ล่าสุดวันนี้ (8 ต.ค.) พ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี และหัวหน้าชุดสอบสวนหนี้นอกระบบสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี ประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อเร่งรัดสอบปากคำประชาชนที่นำสิ่งของ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และโฉนดที่ดินไปจำนองไว้กับนายทุนหนี้นอกระบบที่เข้าจับกุมเมื่อวันก่อนมาหารือ
(แฟ้มภาพ)
โดยจะมีการเรียกเจ้าของโฉนดและเจ้าของทรัพย์มาให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่เรื่องอัตราดอกเบี้ยที่นายทุนเรียกเก็บจากผู้นำทรัพย์สินไปจำนำ เพื่อใช้ประกอบสำนวนการสอบสวนดำเนินคดี พร้อมทำการไกล่เกลี่ยให้มีการชดใช้หนี้และดอกเบี้ยตามกฎหมายกำหนดเท่านั้น

ส่วนกรณีวัดแห่งหนึ่งในอำเภอม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี นำโฉนดไปจำนำไว้กับนายนราชิต ธนาวิวัฒน์ชัยกุล นายทุนเงินกู้รายนี้ จากการติดต่อสอบถามไปทางวัดพบว่าเจ้าอาวาสไม่อยู่ ติดกิจนิมนต์อยู่ต่างจังหวัด และอยู่ระหว่างเดินทางกลับมา หลังจากนั้นก็จะเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำ

เบื้องต้นเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ยอมรับว่านำโฉนดมาจำนำไว้กับนายทุนจริงเพื่อต้องการนำเงินไปใช้จ่ายภายในวัด และเมื่อปีก่อนก็เคยนำมาจำนำมาแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งก็เสียดอกเบี้ยร้อยละ 3 เท่ากับผู้จำนำรายอื่นเช่นกัน
(แฟ้มภาพ)
ด้าน พ.ต.ท.ปราโมทย์กล่าวถึงกรณีที่วัดดังกล่าวนำโฉนดที่ดินประมาณ 7 ไร่เศษที่ประชาชนมีจิตศรัทธาบริจาคให้ทางวัดมาจำนำไว้กับนายทุนเงินกู้เป็นมูลค่ากว่า 40,000 บาทว่า จากการสอบถามจากนายทุนที่ปล่อยเงินกู้และเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ยอมรับว่าได้นำโฉนดมาจำนำไว้จริง เนื่องจากใช้เงินก่อสร้างศาลาในวัดให้ประชาชนใช้ทำกิจร่วมกับสงฆ์แต่เงินไม่พอ จึงนำเอาโฉนดมาจำนำเพื่อเอาเงินไปซื้อวัสดุก่อสร้าง และก็เสียเงินค่าดอกเบี้ยเท่ากับชาวบ้านทั่วไป จึงถือว่าเจ้าอาวาสไม่มีเจตนาเบียดบังเอาทรัพย์สินไปเป็นของส่วนตัว เพราะมีกำหนดระยะเวลามาไถ่ถอนชัดเจน

แต่สำหรับนายนราชิต ธนาวิวัฒน์ชัยกุล อายุ 52 ปี นายทุนเงินกู้ก็มีความผิดให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต


กำลังโหลดความคิดเห็น