กาญจนบุรี - ปลัดหนุ่ม อ.ด่านมะขามเตี้ย สุดซวยปฏิเสธลั่น เผยนำคณะลุยป่าทำบุญ บริจาคของ ขากลับโดน จนท.อช.ไทรโยค ตรวจค้นทุกคันเจอซากขาหมีขอ พร้อมอาวุธปืน ด้าน อส.รับสารภาพยันทุกคนไม่เกี่ยว แต่สุดท้ายโดนตั้ง 6 ข้อหายกคณะ
นายพนัชกร โพธิบัณฑิต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค เปิดเผยว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 6 ต.ค.เวลาประมาณ 20.00 น.ตนได้รับรายงานจากหัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติฯ ที่ ทย.6 (เขาพลู) ว่า มีรถยนต์ออฟโรด จำนวน 6 คัน แอบอ้างว่าได้รับอนุญาตจากหัวหน้าหน่วยฯ ให้เข้าไปพักค้างแรมในพื้นที่ป่าบริเวณสำนักสงฆ์เต่าดำ ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค โดยนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาวุธปืนเข้าไปด้วย ดังนั้น ตนจึงเรียกระดมกำลังเจ้าหน้าที่ติดตามเข้าไปในพื้นที่
กระทั่งเวลาประมาณ 11.30 น.วันนี้ (7 ต.ค.) พนักงานเจ้าหน้าที่ได้พบกับรถยนต์ออฟโรดทั้ง 6 คัน กำลังเดินทางออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวถึงบริเวณหมู่ 8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค พนักงานเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัว และขอตรวจค้น พบว่า มีผู้โดยสารเข้าไปพร้อมกับรถยนต์ทั้ง 6 คัน รวมจำนวน 15 คน โดยเป็นเด็ก 3 คน
ผลการตรวจค้นรถยนต์ พบอาวุธปืนลูกกรดติดกล้องพร้อมเครื่องเก็บเสียง จำนวน 1 กระบอก ปืนสั้นขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุน M16 จำนวน 20 นัด กระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 15 นัด อุ้งเท้าหมีขอ จำนวน 4 เท้า หนักรวมกันประมาณ 9 ขีด โดยของกลางทั้งหมดซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าไทเกอร์สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 ฒง 3555 กทม. โดยมี นายอนุสรณ์ เรือนงาม เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอด่านมะขามเตี้ย เป็นคนขับ
โดยขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้น ได้มีชาย 1 คน ที่มาในขบวนเดียวกันแต่นั่งรถมาคนละคัน มาแสดงตัวว่าเป็นปลัดอำเภอด่านมะขามเตี้ย พนักงานเจ้าหน้าที่จึงเชิญคนทั้งหมดพร้อมรถยนต์ทั้ง 6 คัน ไปทำบันทึกตรวจยึดจับกุมที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยค
จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น.คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมผู้กระทำผิดจึงเดินทางมาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติไทรโยค ส่วนบุคคลที่แสดงตัวว่าเป็นปลัดอำเภอ ทราบชื่อภายหลังคือ นายวัชรชัย สมีรักษ์ หรือปลัดแมน และไม่ยินยอมให้ค้นตัว และไม่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แตะต้องตัวพร้อมขู่จะฟ้องกลับ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค จึงประสานเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย รส.มทบ.17 ที่รับผิดชอบในพื้นที่ พร้อมพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เข้าใช้อำนาจในการค้นตัวและตรวจยึดอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน จำนวน 16 นัด
สำหรับรถยนต์ทั้ง 6 คัน ประกอบไปด้วย 1.กระบะมิตซูบิชิ 4 ประตู ทะเบียน กง 1173 ราชบุรี 2.กระบะมิตซูบิชิ 4 ประตู ทะเบียน กง 9960 นครปฐม 3.อีซูซุแคริบเบียน สีขาว ทะเบียน กค 4974 กาญจนบุรี 4.กระบะนิสสัน ทะเบียน บล 6111 กาญจนบุรี 5.รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าไทเกอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 ฒง 3555 กทม.และ 6.รถยนต์หมายเลขทะเบียน กค 9704 กาญจนบุรี
โดยในขณะนี้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค กำลังอยู่ระหว่างบันทึกรายละเอียด เพื่อส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เบื้องต้น จะดำเนินคดีต่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวใน 6 ข้อหา ประกอบด้วย
1.ฐานร่วมกันเก็บหานำออก ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายหรือเสื่อมสภาพ ทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ
2.ฐานร่วมกันนำสัตว์ออกป่า หรือทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์
3.ฐานร่วมกันนำยานพาหนะเข้าออก หรือขับขี่ยานพาหนะในทางที่มิได้จัดไว้เพื่อการนั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
4.ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ หรือจับสัตว์ หรืออาวุธปืนเข้าไป เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่
5.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง เว้นแต่เป็นการกระทำโดยทางราชการที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 26
และ 6.ฐานร่วมกันร่วมมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ฐานเข้าไปดำเนินการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ฐานครอบครองอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในราชการสงคราม และขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ด้าน นายวัชรชัย สมีรักษ์ หรือปลัดแมน กล่าวว่า พวกเราเข้าไปทำบุญที่สำนักสงฆ์เต่าดำ รวมทั้งได้ไปบริจาคสิ่งของ และได้นอนพักค้างคืนอยู่ภายในสำนักสงฆ์เต่าดำ ซึ่งคณะทั้งหมดได้ไปทำบุญและมาบริจาคสิ่งของในช่วงเช้า โดยคณะทั้งหมดไปถึงสำนักสงฆ์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ต.ค. และทุกคนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องการล่าสัตว์ป่า เพราะไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว
สำหรับซากสัตว์ป่าที่ถูกจับนั้น ทุกคนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทราบแต่เพียงว่า อส.ออย ไปขอแบ่งซื้อมาจากพรรคพวก โดยที่ทุกคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ขณะที่ นายอนุสรณ์ เรือนงาม หรือออย กล่าวว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทุกคนได้เดินทางมาแก้บนที่ศาลเจ้าพ่อเขาพลู หลังจากแก้บนเสร็จ ก็ได้เดินทางไปที่สำนักสงฆ์เต่าดำ และได้พักค้างคืนที่นั่น เมื่อถึงช่วงเช้าวันนี้ หลังจากทำบุญแล้ว ก็ได้ขับรถออกมาข้างนอก เมื่อผ่านศาลเจ้าพ่อเขาพลู ตนได้เจอกับชาวบ้านที่ขับขี่รถจักรยานยนต์มาเพื่อขายของ
โดยมีถุงวางอยู่ตะกร้าหน้ารถ เมื่อชาวบ้านเรียกตนจึงจอดรถลงไปดู ครั้งแรกตนเข้าใจว่าเป็นชาวบ้านที่เข้าป่าไปหาเห็ดมาขาย จากนั้นชาวบ้านคนดังกล่าวก็ได้เสนอขายให้แก่ตนในราคา 100 บาท ตนจึงซื้อมาเพื่อหวังว่าจะเอาไปทำยา ส่วนกลุ่มคณะ รวมทั้งปลัดอำเภอที่มาด้วยกันไม่มีใครรู้เรื่อง เพราะตนเป็นคนซื้อเพียงคนเดียว
อีกทั้งก่อนเดินทางออกมา รถยนต์ 1 ใน 6 คัน ได้รับความเสียหาย จึงต้องใช้เครื่องเชื่อมมาเชื่อมเหล็กที่หัก และหลังจากดำเนินการแล้วเสร็จ รถยนต์ของคณะก็ออกเดินทางมาก่อนตน ซึ่งตนขับตามหลังมาห่างกันประมาณ 1-2 กิโลเมตร จึงทำให้ไม่มีใครรู้ว่าตนซื้อขาหมีขอมา
สำหรับอาวุธปืนลูกกรดนั้นเป็นของพี่ชายตน ซึ่งตนจะขอยอมรับผิด และขอยืนยันว่าคณะทั้งหมดไม่มีใครรู้เรื่องหมีขออย่างแน่นอน