xs
xsm
sm
md
lg

พ่อเมืองนครพนมเปิดใจก่อนเกษียณ ภูมิใจได้ร่วมพัฒนาเมือง 3 ที่สุดสำเร็จ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นครพนม - ผู้ว่าฯนครพนม เปิดใจทิ้งทวนก่อนเกษียณ เผยรู้สึกภาคภูมิใจเกือบ 6 ปี ได้ร่วมพัฒนาเมืองกับทุกภาคส่วนจนดัน นครพนมเป็นเมือง 3 ที่สุด มั่นใจนครพนมเติบโตไม่หยุด ก้าวสู่ เมืองเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว ขึ้นชื่ออันดับต้นๆ ของภาคอีสาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ส.ค.61) นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยถึงบั้นปลายชีวิตของการรับราชการ ในตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คนที่ 40 และครบกำหนดเกษียณอายุราชการ 60 ปี ในวันที่ 30 ก.ย.60 หลังตนได้มาดำรงตำแหน่ง เริ่มจาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 55 และได้รับแต่งตั้ง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม วันที่ 1 ต.ค.58 รวมทำงานเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วม 33 เดือน

ยอมรับว่า ที่ผ่านมา มีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมขับเคลื่อนพัฒนาจังหวัดนครพนม ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การคมนาคม ขนส่ง ไปจนถึงการพัฒนาอาชีพของประชาชน ในพื้นที่ 12 อำเภอ ทำให้ปัจจุบัน จ.นครพนม กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจการค้าชายแดนที่สำคัญของภาคอีสาน มีสถานที่สำคัญ หลายแห่ง อาทิ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน ซึ่งถือเป็นเส้นทางเศรษฐกิจเชื่อมไปยัง ลาว จีน เวียดนาม ที่สั้นที่สุด


นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญ คือ องค์พระธาตุพนม พญาศรีสัตตนาคราช รวมถึงเส้นทางจักรยานริมน้ำโขง ที่มีภูมิทัศน์สวยงาม

ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จังหวัดนครพนม ได้ร่วมกับภาครัฐเอกชน ประชาชน ขับเคลื่อนพัฒนา ทั้งเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยว ภายหลังรัฐบาลได้ประกาศให้เป็นเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ตนได้ส่งเสริม พัฒนาต่อเนื่อง จนได้ชื่อว่า “เมืองสามที่สุด” ที่จะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว ดึงดูดประชาชน นักท่องเที่ยว เข้ามาในพื้นที่

ประกอบด้วย สวยงามที่สุด คือ 1. สะพานมิตรภาพสาม 2. งามที่สุดคือ ทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขง เส้นทางจักรยานยาวที่สุด รวมถึงพญาศรีสัตตนาคราช พญานาคศักดิ์สิทธิ์ริมโขง และ 3. คือ องค์พระธาตุพนม ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด รวมถึงพระธาตุประจำวันเกิด 8 พระธาตุ ที่ตั้งตามอำเภอต่างๆ ทำให้ จ.นครพนม มีประชาชน นักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามามากขึ้น

โดยพบว่าจากสถิติ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปีละ 4-5 แสนคน ปัจจุบันเพิ่มเป็นปีละไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านคน ส่งผลดีต่อการค้า ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก มีลูกค้าใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ เพิ่มขึ้นทุกปี มีเงินหมุนเวียนสะพัดปีละหลาย 100 ล้านบาท

นายสมชาย กล่าวอีกว่า จ.นครพนม มีความเติบโตทุกด้านแบบก้าวกระโดดเกินคาด โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ภายหลังมีการก่อสร้างแลนด์มาร์กศักดิ์สิทธิ์ริมแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม หรือพญาศรีสัตตนาคราช ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว มาสักการบูชาขอพรมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำโขง ให้สวยงาม ควบคู่กับการก่อสร้างเส้นทางจักรยานเลียบน้ำโขงที่สวยงามที่สุด ระยะทางยาวกว่า 60 กิโลเมตร งบประมาณเกือบ 500 ล้านบาท

ประกอบด้วย เส้นทางปั่นจักรยานสวรรค์ชายโขง ซุ้มเทพประทานพร และอุโมงค์นาคราช ถือว่าเป็นจุดไฮไลต์สำคัญ นอกเหนือจาก องค์พระธาตุพนม และพญาศรีสัตตนาคราช ยังได้มีโอกาสมีออกกำลังกาย ท่วมกลางธรรมชาติสองฝั่งโขง

กระทั่งมาถึงวันนี้ ครบ 232 ปี เมืองนครพนม ตนในฐานะพ่อเมืองคนที่ 40 ยอมรับว่า ภูมิใจที่สุดที่ได้รับใช้ชาวนครพนม ร่วมพัฒนาจังหวัดนครพนม ทำงานจนมาถึงวันสุดท้ายของอายุราชการ เชื่อมั่นว่า ในอนาคต จ.นครพนม จะมีการเติบโตทุกด้านไม่หยุด หากมีการพัฒนาต่อยอดด้านการคมนาคมขนส่ง มีรถไฟรางคู่ เส้นทางคมนาคม ที่สะดวกปลอดภัย เชื่อมไป ยังจังหวัดใกล้เคียง

รวมไปถึงการพัฒนาเมืองน่าอยู่ ที่เคยได้รับการขนานนามว่า เมืองแห่งความสุข ให้เป็นเมือง เกษตรปลอดภัย และการรักษาสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการรักษาส่งเสริมขนบธรรมเนียมอันดีงาม ควบคู่กับการสร้างเศรษฐกิจชุมชน

โดยในปี 2561 ได้นำร่อง พัฒนา 50 หมู่บ้านต้นแบบ ในการส่งเสริม อาชีพชุมชนภูมิปัญญาชาวบ้าน รวมถึงการส่งเสริมอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีชนเผ่า และจะต้องมีการขับเคลื่อนต่อเนื่อง มั่นใจว่าอนาคต จ.นครพนม จะเป็นเมืองเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวชายแดน ที่สำคัญ อันดับต้นๆ ของภาคอีสานและจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้หลายเท่าตัว อย่างแน่นอน

“มาถึงวันนี้ ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชนและสื่อมวลชน ที่ให้ความร่วมมือด้วยดีเสมอมา และได้ร่วมสร้างนครพนม เป็นเมือง 3 ที่สุดให้ทั่วโลกได้รู้จัก” นายสมชาย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น