xs
xsm
sm
md
lg

แกะปมฆ่าฝังดินเศรษฐีฝรั่งกับภรรยาชาวแพร่ ต่างชาติหวังใช้ชีวิตบั้นปลายในไทยผวากันทั่ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพร่ - แกะรอยคดีฆ่าฝังศพ “เศรษฐีฝรั่งวัยเกษียณกับเมียชาวแพร่” คาบ้านกลางป่าช่อแฮ ทำชาวต่างชาติที่เลือกแพร่เป็นที่พำนักระยะยาวผวากันทั่ว แม้ ตร.ตามจับผู้ต้องหาพี่แท้ๆ ฝ่ายหญิงพร้อมทีมฆ่าอีก 2 ราย แต่เจ้าตัวยังให้การภาคเสธ

พื้นที่ ต.สวนเขื่อน ต.ป่าแดง และ ต.ช่อแฮ คือ 3 ตำบลทางตะวันออกของเมืองแพร่ มี “พระธาตุช่อแฮ” กั้นกลางเหมือนเส้นธรรมชาติป่าเขากับชุมชนเมือง มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 800-1,000 เมตร มีความสวยงามของธรรมชาติ น้ำในลำห้วยแม่ก๋อน-แม่สาย ไหลลงสู่แม่น้ำยมตลอดปี เป็นสิ่งดึงดูดชาวต่างชาติทั้งยุโรป อเมริกา รวมถึงญี่ปุ่นเข้ามาพำนักในบั้นปลายชีวิต

รวมถึง Mr. Alan Scott Hogg เศรษฐีฝรั่งชาวอังกฤษ เหยื่อคดีฆาตกรรม ก็เป็นคนหนึ่งตัดสินใจใช้ชีวิตวัยเกษียณ ที่อยู่กินกับนางหน็อต สุดแดน ชาวเมืองแพร่ ภายในบ้านเลขที่ 207/4 บ้านป่าแดง หมู่ 6 ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างขวางนับร้อยไร่เขต ต.ช่อแฮ อ.เมืองแพร่ ด้วยเช่นกัน

กระทั่ง 18 ก.ย. 61 สิ่งผิดปกติเริ่มเกิดขึ้น เมื่อเพื่อนชาวต่างชาติคนสนิทของ Mr. Alan ที่พำนักในเชียงใหม่โทร.เข้ามือถือของเขาเพื่อนัดหมายรับประทานข้าวด้วยกัน เพราะทราบว่า Mr. Alan จะเดินทางไปตรวจสายตากับจักษุแพทย์ที่เชียงใหม่ หลายครั้งแต่ไม่มีคนรับสาย จึงได้โทร.ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระธาตุช่อแฮ สถานีตำรวจที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด ขอความช่วยเหลือให้ไปดูว่า Mr. Alan ยังอยู่ดีหรือไม่

19 กันยายน ร.ต.อ.อมร ขว้างแป้น พนักงานสอบสวน สภ.พระธาตุช่อแฮ อ.เมืองแพร่ ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์อีกครั้งว่าน่าสงสัยว่า “อลัน สก็อต” น่าจะหายออกไปจากบ้าน จึงสั่งการให้สายตรวจออกไปดูรอบๆ บ้าน

รุ่งขึ้น (20 ก.ย.) คนสนิทของอลัน สก็อต เดินทางมาดูด้วยตนเอง ในขณะเดียวกันตำรวจก็ถือโอกาสเข้าไปภายในรั้วบ้าน พบว่าสภาพบ้านยังคงเปิดไฟ โทรศัพท์ยังชาร์จอยู่ และที่สำคัญกระเป๋าสตางค์ยังวางอยู่ในบ้าน แต่รถยนต์กระบะสี่ประตู ทะเบียน กต 3181 แพร่ ของอลัน สก็อต ฮ็อก หายไป

ขณะเดียวกัน ญาติของนางหน็อต ที่บ้านเหล่าใต้ อ.สูงเม่น จ.แพร่ ได้ให้พระในเขต อ.วังชิ้น ที่เป็นผู้ทำนายดวงชะตาได้แม่นยำ ช่วยดูว่าอลัน สก็อต กับนางหน็อต ไปอยู่ที่ไหน ซึ่งพระบอกว่า “ทั้งสองเสียชีวิตไปแล้ว ร่างกายถูกฝังอยู่ในก้นลำธาร” เช่นเดียวกับพระธาตุช่อแฮ ที่ทำพิธี “ผีหม้อข้าวนึ่ง” ได้ทำนายว่า ทั้งสองเสียชีวิตไปแล้ว อยู่ในหุบเขาไม่ไกลจากบ้านพัก

แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อเรื่องภูมิปัญญา หรือการทำนายทายทัก แต่ตลอดการค้นหาก็มีประเด็นการทำนายสอดแทรกเข้ามาด้วย โดยมีการระดมกำลังทั้งทหาร ตำรวจ อาสาสมัครกู้ภัย เดินเท้าปูพรมในพื้นที่ 100 ไร่ทั่วบ้านของอลัน สก็อต กับภรรยา ในที่สุดก็เจอพิรุธบริเวณริมลำห้วยกวางเน่า ใกล้กับเล้าเป็ดแมนดาริน มีรอยแบ็กโฮขุด และรถแบ็กโฮขนาดเล็กก็จอดอยู่ไม่ไกล..เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงใช้แบ็กโฮที่พบขุดดู แต่ก็คว้าน้ำเหลว

21 ก.ย. เจ้าหน้าที่พบว่ามีรอยเลือดหยดอยู่บริเวณพื้นแถวโรงจอดรถ ตำรวจกองวิทยาการได้เก็บรอยเลือดแม้จะเป็นเพียงหยดเดียวนำส่งไปยังสถาบันนิติเวชเพื่อตรวจดีเอ็นเอ พร้อมนำคนแวดล้อมมาสอบปากคำ เช่น คนงานตัดหญ้าเลี้ยงวัว, คนดูแลบ้านคือ นายวารุต รัตนสัจจกิจ อายุ 63 ปี พี่ชายของนางหน็อต ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีการตรวจภาพกล้องวงจรปิดหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลช่อแฮ และตามเส้นทางต่างๆ พบว่ารถของอลัน สก็อต ฮอก ออกจากบ้านผ่านไปตามเส้นทางปกติผ่านหน้าเทศบาลตำบลช่อแฮ เข้าไปยังบริเวณโครงการกาดน้ำทอง บริเวณอาคารสหกรณ์ครูแพร่ ก่อนมุ่งหน้าไปทาง อ.วังชิ้น-อ.เถิน จ.ลำปาง-อ.ทุ่งเสลี่ยม อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย

ค่ำวันเดียวกัน (21 ก.ย.) ลูกสาววัย 30 ปีของอลัน สก็อต ฮอก เดินทางมาจากเมืองแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร มาถึงบ้านที่จังหวัดแพร่ และพบกับ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ สว่างประเสริฐ ผกก.สภ.พระธาตุช่อแฮ ที่อยู่ภายในบ้านหลังเกิดเหตุ โดยขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามไม่ให้ใครเข้ามาในบริเวณบ้านโดยเด็ดขาด

22 ก.ย. พล.ต.ท.พูนทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 เดินทางลงพื้นที่จังหวัดแพร่เพื่อติดตามความคืบหน้าของการค้นหา และทำความเข้าใจกับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะลูกสาวของอลัน สก็อต ฮอก รวมทั้งชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน ที่ไม่เข้าใจในกระบวนการยุติธรรม และกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่

และจากการสอบปากคำของผู้เกี่ยวข้อง กับตรวจสอบเส้นทางรถยนต์ของงอลัน สก็อต ที่ถูกออกจากบ้านไป ทำให้เห็นผู้เกี่ยวข้องในการนำรถยนต์ออกจากบ้านในเบื้องต้น คือ นายวารุต พี่ชายของนางหน็อต จึงได้นำตัวมาสอบปากคำ และแจ้งข้อหา ลักทรัพย์ เพื่อควบคุมตัวดำเนินคดีและฝากขัง อย่างไรก็ตา มญาติได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว ซึ่งศาลได้ให้ประกันในบ่ายวันเดียวกัน

เวลา 10.00 น. วันที่ 23 ก.ย. พล.ต.ท.พูนทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 เดินทางลงพื้นที่จังหวัดแพร่อีกครั้ง ซึ่งพบว่าการสืบสวนเริ่มได้เบาะแสของการนำรถออกจากบ้านไป วันเดียวกันตำรวจกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รับแจ้งจากพ่อค้าวัวชาวลาวที่อาศัยอยู่ใน อ.แม่สอด จ.ตาก ว่าขอนำรถยนต์กระบะฟอร์ดสีขาวสี่ประตูทะเบียน กต 3181 แพร่ ซึ่งตนซื้อต่อมาจากชาวกะเหรี่ยงที่จังหวัดลำพูน ในราคา 420,000 บาท ส่งคืนให้เจ้าหน้าที่

พ่อค้าวัวชาวลาวคนดังกล่าวได้ให้การว่า ซื้อรถมาเพราะเห็นว่าราคาถูก เมื่อซื้อแล้วมีการส่งมอบรถกันที่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย จากนั้นได้ขับไปทำธุระที่อุดรธานี และขากลับช่วงผ่านอยุธยาได้รับทราบข่าวสารว่ารถที่ตนซื้อเป็นรถที่มีคดีจึงตัดสินใจนำรถคืน

จากนั้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานอยุธยาได้เก็บลายนิ้วมือและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ตัวรถ ก่อนที่ทีมสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดแพร่จะเดินทางไปนำรถยนต์คันดังกล่าวกลับมาตรวจสอบ พร้อมควบคุมตัวผู้ซื้อรถชาวลาวมาสอบสวนขยายผลด้วย

24 ก.ย. ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการคลี่คลายปมการหายตัวไปอย่างลึกลับของ Mr. Alan Scott Hogg และภรรยา เมื่อชุดสืบสวนได้นำตัวนายธีรพล สืบจากถิ่น หรือตู่ อายุ 50 ปี นักค้าของเก่าในย่าน ต.บ้านถิ่น อ.เมืองแพร่, นายธีรสิทธิ์ ถิ่นสุข อายุ 55 ปี พร้อมภรรยา มาสอบปากคำ หลังได้เบาะแสชัดขึ้น นำไปสู่การควบคุมตัวบุคคลที่เชื่อมโยงการซื้อขายรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน กต 3181 แพร่

ในประเด็นนี้เองที่ทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าความไม่ลงรอยกันในครอบครัว และความขัดแย้งเรื่องเงินเป็นปมเหตุสำคัญของการหายตัวไปของสองสามีภรรยา ประกอบกับจากพยานที่หลากหลายโดยเฉพาะชาวบ้าน ให้การว่าได้ยินเสียงปืนในเย็นวันที่ 18 ก.ย. และได้ยินเสียงรถแบ็กโฮทำงานด้วย

25 ก.ย. พล.ต.ท.พูนทรัพย์ นำเจ้าหน้าที่มุ่งตรงไปที่จุดต้องสงสัยบริเวณริมห้วยกวางเน่า พร้อมนำรถแบ็กโฮขนาดใหญ่เข้ามาขุดค้นหาร่องรอยหลักฐาน คราวนี้เมื่อขุดลึกลงไปราว 2 เมตรเศษก็มีกลิ่นเหม็นคลุ้งกระจายออกมา ก่อนที่จะพบร่างของนายอลัน สก็อต ฮอก และนางหน็อต ถูกฝังอยู่ในบริเวณดังกล่าวจริง

ในบ่ายวันเดียวกันนั้น (25 ก.ย.) พล.ต.ท.พูนทรัพย์เปิดแถลงข่าวด้วยตนเอง ว่าศาลจังหวัดแพร่ได้อนุมัติหมายจับ และเจ้าหน้าที่ได้นำหมายเข้าแสดงต่อบุคคลที่เป็นผู้ต้องสงสัยเชิญมาสอบปากคำ 3 ราย คือ นายวารุต รัตนสัจจกิจ หรือหนานหนัด อายุ 63 ปี พี่ชายนางหน็อต, นายเปี้ย คำใส หรือเสือทองวังชิ้น อายุ 63 ปี ชาว ต.วังชิ้น อ.วังชิ้น จ.แพร่ และนายกิตติพงษ์ คำวัน หรือใหญ่ อายุ 24 ปี ชาว ต.วังชิ้น อ.วังชิ้น จ.แพร่

แม้ว่าผู้ต้องสงสัยบางคนจะไม่ยอมรับสารภาพตามประเด็นที่ถูกสอบทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่ก็นำผู้ต้องหาไปทำแผน ดังนี้ นายวารุต จ้างวานนายเปี้ย หรือเสือทอง มือปืนวัย 63 ปี ให้สังหารน้องเขยชาวอังกฤษ ด้วยเงินค่าจ้าง 50,000 บาท โดยได้ร่วมนัดหมายกันที่บ้านของหนานหนัด ที่อยู่นอกรั้วบ้านของผู้ตาย ก่อนที่จะมีการปฏิบัติการในช่วงเย็นของวันที่ 18 ก.ย. ระหว่างนายอลัน สก็อต เดินมาให้อาหารเป็ดที่ริมห้วยกวางเน่า นายเปี้ยได้ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นจ่อยิง กระสุนกระจายเล็กน้อยเข้าที่หน้า และหน้าอก จนเหยื่อเสียชีวิตทันที

ต่อมานายกิติพงษ์ หรือใหญ่ เข้าไปจับนางหน็อต กดให้นอนกับพื้นในลักษณะคว่ำหน้าที่บริเวณโรงจอดรถ โดยนายกิตติพงษ์อ้างว่าผู้จ้างวานเป็นผู้ใช้ประแจ หรือคีมคอม้าตีที่ศีรษะด้านหลังจนนางหน็อตแน่นิ่งไป ก่อนที่ทั้ง 3 จะช่วยกันนำรถไถมานำศพไปที่หลุม ซึ่งทั้ง 3 คนช่วยกันขุดจนลึก

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวบางคนยังคงให้การภาคเสธ โดยรับสารภาพบางประเด็น และปฏิเสธบางส่วน โดยเฉพาะในประเด็นการสังหาร ซึ่งจะต้องมีการสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป

แต่นัยหนึ่ง คดีที่เกิดขึ้นก็สร้างความหวั่นไหวให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักระยะยาว หรือใช้ชีวิตบั้นปลายในเมืองแพร่อย่างปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น