อุบลราชธานี - ชาวบ้านริมแม่น้ำมูล บ้านคูสว่าง อ.วารินชำราบ ไม่รอความช่วยเหลือจากรัฐ ตั้งชุมชนเข้มแข็งบริหารจัดการตนเองรับมือภัยน้ำท่วมที่เกิดซ้ำซากทุกปี เผยชุมชนริมลำน้ำที่อื่นนำไปเป็นต้นแบบจัดการในชุมชนได้
ที่ศาลากลางบ้านคูสว่าง หมู่ 7 ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ชาวชุมชนบ้านคูสว่างร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัด จัดอบรมเชิงปฏิบัติการในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีอาสาสมัครของ 10 หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเข้าร่วมจำนวน 50 คน เนื่องจากทั้งหมดเป็นชุมชนตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำมูล และประสบปัญหาอุทกภัยแม่น้ำมูลไหลท่วมบ้านเรือนเกือบทุกปี
นายสังคม พันสถิตย์ แกนนำชุมชนบ้านคูสว่าง บอกว่า พื้นที่หมู่บ้านคูสว่างมักเกิดปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำเกือบทุกปี ที่ผ่านมาเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง (คปสม.) อุบลราชธานี ร่วมกับชาวบ้านได้จัดตั้งอาสาสมัครช่วยเหลือชาวบ้านด้วยกันเองเมื่อเกิดอุทกภัยโดยไม่รอรับการช่วยเหลือจากทางราชการ เนื่องจากหน่วยงานเหล่านี้มีภาระต้องไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในหมู่บ้านอื่นด้วย บางครั้งกว่าจะได้รับความช่วยเหลือก็ล่าช้าไปแล้ว
ที่ผ่านมาชาวชุมชนมีการทำเรือหางยาวหัวแหลมใช้เดินทางเข้าออกหมู่บ้านในปีที่มีระดับน้ำท่วมสูง และถนนถูกน้ำท่วมจนตัดขาดหมู่บ้านไม่สามารถใช้สัญจรทางบกได้ตามปกติ ซึ่งการบริหารจัดการดังกล่าวได้ผลดีสามารถช่วยให้ชาวบ้านที่ต้องไปทำงาน ลูกหลานต้องไปโรงเรียน หรือคนเจ็บป่วยต้องไปพบแพทย์ มียานพาหนะใช้เดินทางเข้าออกหมู่บ้านได้รวดเร็วกว่าการใช้เรือท้องแบนที่ราชการจัดหามาให้ เนื่องจากเป็นเรือที่สามารถแล่นตัดกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นเพื่อเป็นการรับมือภัยธรรมชาติที่อาจเกิดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชน ในปีนี้จึงได้มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้อาสาสมัครที่เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านเรียนรู้วิธีการกู้ภัยช่วยเหลือคนตกน้ำ การปฐมพยาบาล การลำเลียงคนป่วยส่งไปยังหน่วยแพทย์ฉุกเฉินตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อลดความสูญเสียชีวิตของผู้ประสบภัย
นายสังคมกล่าวอีกว่า ชาวบ้านชุมชนคูสว่างยังต้องการให้ “คูสว่างโมเดล” เป็นชุมชนต้นแบบที่ตั้งอยู่ตามริมแม่น้ำที่มีการบริหารจัดการตนเองเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ โดยไม่ต้องรอการช่วยเหลือจากทางราชการเพียงอย่างเดียวด้วย
สำหรับการซ้อมปฏิบัติการวันนี้ ได้มีการจำลองสถานการณ์เกิดน้ำท่วมล้อมรอบชุมชน คนส่วนหนึ่งต้องอพยพจากหมู่บ้านไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงที่ทางการจัดให้ในที่สูง และระหว่างการเดินทางเข้าออกหมู่บ้านเกิดมีเรือใช้เดินทางพลิกคว่ำ มีผู้โดยสารที่มากับเรือตกลงไปในน้ำ ผู้บังคับเรือได้แจ้งขอความช่วยเหลือไปยังศูนย์บัญชาการกู้ภัยของชุมชน
ต่อมาทางศูนย์ฯ ได้ส่งเรือ พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิต รวมทั้งชาวบ้านที่ผ่านการอบรมการกู้ภัยเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ตกลงไปในน้ำ ช่วยกันลำเลียงผู้ประสบเหตุขึ้นมาบนบก และทำการปฐมพยาบาล ตรวจคัดกรองอาการของผู้ประสบภัย ทำการกระตุ้นชีพจร ก่อนส่งต่อไปให้หน่วยกู้ชีพขั้นสูงรับตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาล ซึ่งสามารถช่วยลดความสูญเสียด้านชีวิตของผู้ประสบภัย ก่อนที่จะมีหน่วยกู้ภัยหรือกู้ชีพอื่นๆ เข้ามาช่วยเหลือต่อไปด้วย
