ศูนย์ข่าวขอนแก่น - สอบพยานร่วมคดี “ผู้การสุทิพย์” โกงเงินตำรวจเลย/ประชาชนแล้ว 336 ปาก “สุระชัย” เผย 16 ผู้ต้องหาขอเข้ามอบตัวสู้คดีแล้ว เร่งสอบสวนเชื่อมโยงผู้ร่วมขบวนการ และคืนเงินให้ตำรวจ เตรียมเรียก 15 ตำรวจถูกช่วยราชการชี้แจง
วันนี้ (20 ก.ย. 61) ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนคดีสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย พล.ต.ท.สุระชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.สกบ. (รองผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชุมร่วมพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนที่รับผิดชอบในคดีการทุจริตโครงการบริหารหนี้และโครงการรวมหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย เพื่อติดตามความคืบหน้าด้านการสืบสวนและสอบสวน ร่วมระหว่างคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ บช.ภ.4
พล.ต.ท.สุระชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานในคดีไปแล้ว 336 ปาก ทั้งหมดให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และให้การที่เป็นประโยชน์ ขณะที่ผู้ต้องหาที่ขอเข้ามอบตัวและเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกับเครือข่ายของ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช อดีต รอง ผบช.สกพ. (รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้นขณะนี้มีทั้งหมด 16 คน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชน ทุกคนอยู่ในระหว่างประกันตัว หากการสอบสวนสาวไปถึงใคร ทั้งหมดจะถูกนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
“เราตรวจสอบการเชื่อมโยงในคดี โดยเฉพาะเส้นทางการเงิน เพราะเงินของตำรวจเลย รวมกว่า 200 ล้านบาทนั้นมีการสั่งจ่ายเป็นเช็ค ดังนั้นเมื่อมีการเบิกจ่ายหรือถ่ายโอนไปหาใคร หรือถึงใครบ้าง ทั้งหมดจะถูกเรียกมาสอบสวนทั้งหมด เราต้องแยกพยานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องออกเป็นรายๆ ไป เพราะพยานบางคนนั้นเป็นผู้เสียหาย และบางรายกระทำความผิดด้วย ดังนั้นขณะนี้ทั้งหมดจะถูกอายัดบัญชีและตรวจสอบเส้นทางการเงินต่างๆในภาพรวมทั้งหมด” พล.ต.ท.สุระชัยกล่าว
พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.สกบ. กล่าวว่า การยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ขณะนี้รวมมูลค่ากว่า 140 ล้านบาท ขณะที่เงินสดที่ผู้ที่เกี่ยวข้องนำมาคืนและตกเป็นของกลางในคดีนี้นั้นมีแล้ว 5 ล้านบาท และยังมีบางส่วนที่ประสานงานมาเพื่อจะเข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งจะเอาเงินมาคืนอีกร่วม 100 ล้านบาท ทั้งหมดจะทำการตรวจสอบที่มาที่ไปเพื่อเตรียมทยอยคืนให้แก่ตำรวจภูธรจังหวัดเลย
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นรู้ตัวและรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าเงินนั้นมีที่มาอย่างไร หรือมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรก็ขอให้นำมาคืนหรือมาแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งวันนี้มีพยานเข้าให้ปากคำ 12 ราย ทุกรายให้การที่เป็นประโยชน์ โดยที่พนักงานสอบสวนจะตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ในภาพรวมเพื่อเชื่อมโยงคดีและรูปการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ดังนั้น หากมีพื้นที่ใดที่มีผู้เสียหายที่เป็นพลเรือนที่อาจจะเข้าข่าย ขอให้มาแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่เพื่อจะทำการตรวจสอบคดี ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมา (19 ก.ย.) ที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเกี่ยวข้องกับคดีแชร์ลูกโซ่ในพื้นที่ สภ.เมืองขอนแก่น ก็จะตรวจสอบข้อมูลตามแนวทางการสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่เช่นกัน