บุรีรัมย์- สุดสลดดาบตำรวจ 50 ปี บุรีรัมย์ เครียดโรครุมเร้า เข้าออก รพ.ประจำ ใช้ปืน 11 มม.จ่อขมับลั่นไกระเบิดสมองตัวเองดับคาสวน ภรรยาตามหาที่สวนช็อกพบกลายเป็นศพ พี่สาวเผยทั้งน้ำตา น้องเคยตัดพ้อว่าสงสารลูกเมียไม่อยากเป็นภาระ
วันนี้ (17 ก.ย.) เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ร.ต.อ.พงศกร วิเศษนอก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุคนยิงตัวเองเสียชีวิตที่บ้านขาม ต.ไทยสามัคคี อ.หนองหงส์ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย ร.ต.อ.มณเทียร จิตรบุญศรี รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.หนองหงส์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ และแพทย์เวรโรงพยาบาลหนองหงส์
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสวนอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 500 เมตร พบศพ ด.ต.นิวัฒน์ อินทร์นอก อายุ 50 ปี เป็นข้าราชการตำรวจสังกัด สภ.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนพื้นดินทางเดินเข้าออกภายในสวน ในสภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้น กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะ
ตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้นพบบริเวณขมับด้านขวามีร่องรอยถูกยิงกระสุนฝังใน เลือดไหลนองเต็มพื้น โดยในมือด้านขวามีอาวุธปืนวางอยู่ด้วยในลักษณะหันปากกระบอกเข้าหาตัว ทั้งนี้ ยังพบกระสุนปืนขนาด 11 มม.ตกอยู่บริเวณขาของผู้ตาย 2 นัด ห่างจากศพประมาณ 1 เมตร พบปลอกกระสุนปืนตกอยู่อีก 1 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการตรวจสอบบริเวณโดยรอบจุดเกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ที่มาพบศพ คือ นางปาริฉัตร ภรรยาของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นข้าราชการครูอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่กลับจากประชุมมาถึงบ้านแล้วไม่เจอสามี จึงถามพ่อบอกว่า สามีขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างออกไปสวน เพื่อไปเกี่ยวหญ้ามาให้ควายที่เลี้ยงไว้ แต่เห็นว่าเย็นแล้วสามียังไม่กลับเข้าบ้านจึงออกไปตามหาพบร่างสามีนอนอยู่พื้นดินในสภาพเลือดไหลนองเต็มพื้น และมีอาวุธปืนอยู่บนมือ ตกใจแทบช็อกทำอะไรไม่ถูก จึงรีบบอกพ่อแม่ให้มาดู และโทร.แจ้งตำรวจดังกล่าว
นางเสถียรรัตน์ อินทร์นอก พี่สาวของผู้เสียชีวิต บอกว่า ด.ต.นิวัฒน์ น้องชายมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าประมาณ 2 ปีแล้ว เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ระยะหลังป่วยเป็นกรดไหลย้อน เข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ ทำให้มีอาการเหนื่อยง่าย ก่อนหน้านี้ เคยได้ยินน้องชายพูดในลักษณะตัดพ้อกับปัญหาสุขภาพของตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่าสงสารลูกเมียที่ตัวเองต้องมาเป็นภาระ ซึ่งตนจะคอยปลอบน้องให้ทำใจสบายๆ อย่าคิดมาก แต่ไม่คิดว่าน้องชายจะมาตัดสินใจคิดสั้นฆ่าตัวตายแบบนี้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ครอบครัวจะไม่ได้ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต เพราะเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตายจากปัญหาสุขภาพที่รุมเร้า แต่ต้องส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา เพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง ก่อนมอบศพให้ครอบครัวนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป