พิษณุโลก - ชงสร้าง “อาคารใหม่-รูปเกือกม้า” แทนพระตำหนักใหม่ฯ ที่สร้างบัง “ศาลพระองค์ดำ” จนมิด รอผู้ว่าฯ มทภ.3 กรมศิลป์ฟันธงก่อนเดินหน้าทุบ-รื้ออาคารทัศนะอุจาด คนพิด’โลกแนะต้องยึดตามแบบศิลปะอยุธยาตอนต้น
ความคืบหน้ากรณีการก่อสร้างอาคารพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชวังจันทน์ (หลังใหม่) บดบังศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองค์ดำ) หลังเดิม ซึ่งอยู่คู่พิษณุโลก-เมืองสองแควมาอย่างยาวนาน จนมีการรวมตัวเรียกร้องให้รื้อ-ย้ายอาคารพระตำหนักใหม่ที่ยังสร้างไม่เสร็จนั้น
ล่าสุด นายบำรุง รื่นบันเทิง รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ในฐานะประธานกรรมการคณะทำงานพิจารณาความเหมาะสมการก่อสร้างอาคารพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชวังจันทน์ (หลังใหม่) พร้อมหน่วยราชการต่างๆ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกแต่งตั้งเป็นกรรมการตามคำสั่ง ที่ 11719/2561 รวมทั้งผู้แทนกองทัพภาคที่ 3 และผู้แทนกรมศิลป์ในฐานะที่ปรึกษา ได้หารือร่วมกันเมื่อบ่ายวานนี้ (13 ก.ย.)
เพื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างและกำหนดรูปแบบของอาคารพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ
นายบำรุงกล่าวว่า คณะกรรมการฯ มีหน้าที่พิจารณา 2 เรื่อง คือ สถานที่ควรอยู่ตำแหน่งใด และรูปแบบที่กรมศิลป์ออกแบบมาให้นั้นเหมาะสมควรหรือไม่ เบื้องต้นที่ประชุมพิจารณาแล้วว่ารื้อ-ย้ายตำหนักที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จตามความต้องการของคนพิษณุโลก และปรับหรือสร้างอาคารหลังใหม่บริเวณด้านหลังศาลเดิมเป็นลักษณะรูปเกือกม้า ความยาว 10 เมตร แต่ขณะนี้กรมศิลป์ออกแบบไว้เพียง 1 แบบเท่านั้น ซึ่งยังต้องพิจารณาปรับเพิ่มในรายละเอียด
“ต้องหาข้อสรุปเบื้องต้นไปรายงานต่อ 3 ฝ่าย คือ ผู้ว่าฯ พิษณุโลก, แม่ทัพภาคที่ 3 และอธิบดีกรมศิลป์ เพื่อกำหนดแนวทางขั้นตอนต่อไป ก่อนเปิดให้ภาคประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง ซึ่งจะต้องใช้เวลาสักพัก จากนั้นจึงดำเนินการขออนุญาตใช้พื้นที่บริเวณพระราชวังจันทน์ จากกรมศิลป์”
ส่วนข้อซักถามที่ว่า พระตำหนักหลังใหม่ที่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จจะต้องรื้อย้ายโดยใช้งบประมาณจากไหนนั้น นายบำรุงบอกว่า เบื้องต้นทราบว่ามีงบประมาณจากผู้มีจิตศรัทธาที่เคยบริจาคเหลืออยู่บางส่วน ก็จะต้องนำมาย้ายตำหนักที่บดบังศาลสมเด็จฯ ส่วนงบประมาณก่อสร้างตำหนักรูปทรงเกือกม้า จะต้องให้ผู้ว่าฯ แม่ทัพภาคที่ 3 และกรมศิลป์ พิจารณาต่อไป ตอนนี้ได้เพียงข้อสรุปว่าย้ายตำแหน่งและรูปแบบเท่านั้น
อ.ขวัญทอง สอนสิริ อาจารย์โรงเรียนเตรียมอุดม หนึ่งในแกนนำเครือข่ายอนุรักษ์ศาลพระองค์ดำหลังเดิม กล่าวว่า นับเป็นทางออกที่ดี ประนีประนอม ไม่หยิบยกเรื่องอดีตมาถกเถียง ปัจจุบันคือเอาสิ่งปลูกสร้างใหม่ที่บดบัง ทับซากโบราณสถานออกไป แล้วสร้างอาคารใหม่บริเวณด้านหลังพระบรมราชาอนุสาวรีย์ศาลสมเด็จพระนเรศวรให้อยู่แนวเขตลาน (ถนน) เดิม
ณ วันนี้จังหวัดฯ ต้องพิจารณาการใช้พื้นที่อาคารบริวารใช้สอย ตอบสนองประชาชนที่เดินทางมากราบไหว้พระองค์ดำ ภายในพระราชวังจันทน์ที่ไม่มีที่นั่งรองรับเลย รวมทั้งควรจัดพื้นที่จำหน่ายดอกไม้ ธูปเทียนให้เรียบร้อย และที่สำคัญ สถาปัตยกรรม ศิลปกรรมอาคารแห่งใหม่ควรทำให้สอดคล้องกับพระบรมราชาอนุสาวรีย์ศาลสมเด็จพระนเรศวรเดิม ต้องใช้สถาปัตยกรรม “วัดท่าสุทธาวาส” ที่เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น ตามประวัติศาสตร์ครั้งสมัยพระนเรศวรทรงยกทัพเรือขึ้นไปวัดท่าสุทธาวาส อ.ป่าโมก จ.สุพรรณบุรี ก่อนไปทำยุทธหัตถีที่หนองสาหร่าย ดอนเจดีย์
ทั้งนี้ ในการย้ายที่ตั้งอาคารพระตำหนักใหม่นั้น นอกจากจะต้องจัดหางบประมาณเพิ่มเติม-เปิดให้ประชาชนคนพิษณุโลกร่วมแสดงความคิดเห็นแล้ว ในขั้นตอนขออนุญาตใช้พื้นที่บริเวณพระราชวังจันทน์ต้องให้กรมศิลปากรสำรวจขุดค้นก่อนว่าใต้พื้นดินแนวเขตที่จะก่อสร้างอาคารหลังใหม่จะมีโบราณวัตถุใดๆ หรือไม่ ตามขั้นตอน พ.ร.บ.โบราณสถานฯ ด้วย