ผู้ว่าฯ สกลนครเร่งช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม กำชับหน่วยงานพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด

สกลนคร - ผู้ว่าฯ สกลนครลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เผยสถานการณ์น้ำท่วมเขตตัวเมืองคลี่คลาย แต่พื้นที่รอบนอกยังน่าห่วง เหตุน้ำโขงและน้ำสาขาหนุนสูง กำชับหน่วยงานรัฐดูแลประชาชนใกล้ชิด ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วม 18 อำเภอ

วันนี้ (9 ก.ย. 61) ที่บ้านพันนา ต.พันนา อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร นายวิทยา จันทร์ฉลอง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร พร้อมด้วยนายณัฎฐกิตติ์ ของทิพย์ เกษตรจังหวัดสกลนคร และนายประทิน โกษาแสง นายอำเภอสว่างแดนดิน ร่วมกับ หจก.คูโบต้า ปิติแทรกเตอร์ สาขาสว่างแดนดิน นำถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่มกว่า 500 ชุด ไปมอบแก่ชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม ตั้งแต่ช่วงหย่อมความกดอากาศต่ำและพายุเซินติญพาดผ่าน

มีพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนในอำเภอสว่างแดนดิน 560 ราย นาข้าวเสียหาย 4,144 ไร่ ถือได้ว่าเป็นปีที่ 2 แล้วที่ประสบภัยน้ำท่วมซ้ำอีกจากพายุเซินกาเมื่อปี 60 ทั้งนี้เพื่อแสดงถึงน้ำใจความรับผิดชอบของภาครัฐและเอกชนที่ยื่นมือมาช่วยซับน้ำตาในยามลำบาก ทั้งได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐจากเงินชดเชยเยียวยาที่กำลังจะอนุมัติช่วยเหลือในพื้นที่ อ.สว่างแดนดิน ใน 7 ตำบล 40 หมู่บ้าน กว่า 6 ล้านบาท

นายวิทยา จันทร์ฉลอง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เปิดเผยว่าภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ จ.สกลนคร เขตตัวเมืองสกลนครอยู่ในสภาวะปกติแล้ว ส่วนพื้นที่รอบนอกบางส่วนยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำสงครามเอ่อขึ้นมาท่วมเส้นทางจราจรบางสายในพื้นที่ อ.อากาศอำนวย เนื่องจากน้ำโขงยังหนุนสูง จึงกำชับไปยังนายอำเภอติดตามดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด ทั้งเครื่องอุปโภคและบริโภค ติดตามลงพื้นที่จนกว่าสถานการณ์น้ำสงครามจะลดเข้าสู่ภาวะปกติ

ส่วนเขื่อนน้ำอูนก่อนหน้าที่เกิดปัญหาจากการเร่งระบาย มีมติจังหวัดให้ลดการระบายน้ำลง โดยปิดกาลักน้ำบางส่วนเพื่อไม่ให้น้ำไปกระทบต่อผู้อยู่ท้ายเขื่อนในพื้นที่ อ.พรรณานิคม ซึ่งได้รับผลกระทบน้ำท่วมนาข้าว โรงเรียน ส่วนแนวโน้มการระบายน้ำของเขื่อนน้ำอูนดีขึ้น น้ำค่อยๆ ลดระดับลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดสกลนครยังประเมินและติดตามสถานการณ์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เพราะยังวางใจไม่ได้ เพิ่งเข้าเดือนกันยายนยังอยู่ในช่วงมรสุมไปอีกจนถึงเดือนตุลาคม ต้องพร้อมรับมือเต็มที่


ด้านนายณัฎฐกิตติ์ ของทิพย์ เกษตรจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า จ.สกลนครได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยกรณีฉุกเฉิน รวม 18 อำเภอ 98 ตำบล 973 หมู่บ้าน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบตามจำนวนพื้นที่เพาะปลูกเสียหายจริงไม่เกินรายละ 30 ไร่ ดังนี้ ข้าวไร่ละ 1,113 บาท พืชไร่ไร่ละ 1,148 บาท พืชสวนและอื่นๆ ไร่ละ 1,690 บาท โดยช่วยเหลือเกษตรด้านพืชไปแล้ว 8 อำเภอ จำนวน 5,164 ราย 33,522 ไร่ วงเงินช่วยเหลือ 37,439,911 บาท และอยู่ระหว่างพิจารณาช่วยเหลือเกษตรกรอีกจำนวน 7,512 ราย 67,803 ไร่ ใน 8 อำเภอ วงเงินช่วยเหลือกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งจะเร่งรัดตรวจสอบและช่วยเหลือให้เร็วที่สุด