ศรีสะเกษ- พ่อหนุ่มพิการร่างทรงฤๅษีตาไฟศรีสะเกษ ผู้ต้องหาข่มขืนสาววัย 17 ปี เผยตั้งทนายดังสู้คดีเต็มที่ งดให้สัมภาษณ์สื่ออ้างข่าวทำให้ได้รับผลกระทบมาก ซ้ำมีข่าวลือหนุ่มพิการรับสารภาพ ด้านผู้ใหญ่บ้านยันพิการแต่กำเนิดไม่เชื่อเป็นไปได้
วันนี้ (6 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่พ่อแม่ของนางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ว่า นางสาวเอถูก นายสุรสิทธิ์ พลศักดิ์ อายุ 40 ปี หนุ่มพิการด้วยโรคโปลิโอ อ้างเป็นร่างทรงของฤาษีตาไฟ ข่มขืนกระทำชำเราถึง 4 ครั้ง เหตุเกิดระหว่างวันที่ 26-27 ส.ค. 61 ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งริมถนนสายศรีสะเกษ-ขุขันธ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เนื่องจากนางสาวเอเชื่อว่าตนเองมีเคราะห์และมีชายคนหนึ่งพามาแนะนำให้รู้จักนายสุรสิทธิ์ที่อ้างว่าเป็นร่างทรงฤาษีตาไฟ ให้ทำการสะเดาะเคราะห์ให้ ซึ่งต่อมานายสุรสิทธิ์เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน และได้รับการอนุญาตจากศาลจังหวัดศรีสะเกษให้ประกันตัวได้ ส่วนครอบครัวของผู้เสียหายได้เข้าไปอยู่ภายใต้การดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ศรีสะเกษ ซึ่งขณะนี้ได้รับการเยียวยาฟื้นฟูจิตใจจนทำให้อาการดีขึ้นตามลำดับ และมีข่าวลือสะพัดว่านายสุรสิทธิ์ยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์กับสาววัย 17 ปีจริงนั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 180 หมู่ 9 บ้านละทาย ต.ละทาย อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของนายเหรียญ พลศักดิ์ อายุ 70 ปี และ นางวนิดา พลศักดิ์ อายุ 62 ปี พ่อและแม่ของนายสุรสิทธิ์ พลศักดิ์ อายุ 40 ปี หนุ่มร่างพิการด้วยโรคโปลิโอ กำลังพากันจับกลุ่มคุยกันกับญาติพี่น้องเกี่ยวกับเรื่องที่นายสุรสิทธิ์ถูกพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ แจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์และข่มขืนกระทำชำเราอยู่ในขณะนี้
ส่วนนายสุรสิทธิ์ได้นั่งและนอนอยู่ที่บริเวณลานปูนซีเมนต์ข้างบ้าน ซึ่งเมื่อพ่อแม่และญาติพี่น้องของนายสุรสทธิ์ ร่างทรงฤาษีตาไฟเห็นผู้สื่อข่าวเข้าไปในบริเวณหน้าบ้านต่างพากันแสดงอาการไม่พอใจ และเดินหนี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ แก่ผู้สื่อข่าว โดยแจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบเพียงสั้นๆ ว่าข่าวที่เผยแพร่ออกไปทำให้ครอบครัวได้รับผลกระทบมาก
นายเหรียญ พลศักดิ์ พ่อของร่างทรงฤาษีตาไฟ กล่าวสั้นๆ ว่า ตนขอบอกเลยว่าต่อไปจะไม่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอีก เนื่องจากสื่อบางสำนักมีการเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เช่น พวกตนกับญาติพี่น้องอยู่กันเต็มบริเวณบ้าน เนื่องจากมีการห่อขนมทำกับข้าวถวายพระก็เสนอข่าวไปว่าบ้านของนายสุรสิทธิ์ปิดเงียบ ทั้งที่มายืนถ่ายภาพอยู่หน้าบ้านที่มีคนเยอะแยะ อีกทั้งนายสุรสิทธิ์ไม่ได้พูดอะไรชัดเจนเพราะความพิการก็ไปเสนอข่าวว่ามีการพูดอย่างนั้นอย่างนี้ ทำให้ได้รับผลกระทบต่อคดีความเป็นอย่างมาก
ขณะนี้ตนได้แต่งตั้งทนายความชื่อดังคนหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ เป็นทนายความแก้ต่างในคดีนี้แล้ว หากจะสัมภาษณ์อะไรให้ไปคุยกับทนายความ ซึ่งตนได้มอบเอกสารหลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับคดีนี้ให้ทนายความทั้งหมดแล้วเพื่อเตรียมต่อสู้คดีเพื่อความยุติธรรมอย่างเต็มที่
ทางด้าน นายปัญญา วงศ์เจริญ ผู้ใหญ่บ้านละทาย หมู่ 9 กล่าวว่า รู้จักกับนายสุรสิทธิ์ มาตั้งแต่เกิด ขณะนี้ตนอายุ 47 ปี ส่วนนายสุรสิทธิ์อายุ 40 ปี โดยนายสุรสิทธิ์ตั้งแต่เกิดมาก็มีรูปร่างพิการแบบนี้มาแต่กำเนิดแล้ว ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เวลาจะกินข้าวต้องมีคนป้อนข้าวป้อนน้ำ หากปล่อยให้กินข้าวเองจะคล้ายกับไก่กินข้าวกระจายเกลื่อนพื้นเพราะนิ้วมือหงิกงอไม่สามารถตักข้าวกินเองได้ และนายสุรสิทธิ์ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้พิการเรียบร้อยแล้ว
ส่วนการที่เชื่อว่านายสุรสิทธิ์เป็นร่างทรงฤาษีตาไฟนั้นเนื่องจากเชื่อกันว่ามีวิญญาณของเจ้าอาวาสวัดบ้านละทายที่มรณภาพไปแล้วหลายรูปมาเข้าร่างของนายสุรสิทธิ์เพื่อให้ช่วยรักษาคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคต่างๆ ซึ่งการรักษาคนไข้ที่มาขอให้นายสุรสิทธิ์รักษานั้น นายสุรสิทธิ์จะมีวิธีการรักษาเองตามธรรมชาติ ซึ่งญาติพี่น้องของตนก็เคยมาให้นายสุรสิทธิ์ช่วยรักษาอาการป่วยไข้ตามความเชื่อจนหายป่วยเป็นปกติ ทำให้นายสุรสิทธิ์มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้ง จ.ศรีสะเกษ และจังหวัดใกล้เคียง มีคนมาขอให้สะเดาะเคราะห์และรักษาโรคต่างๆ เป็นจำนวนมาก
การที่นายสุรสิทธิ์ถูกกล่าวหาว่าพรากผู้เยาว์เด็กอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปีไปเสียจากบิดามารดา และข่มขืนกระทำชำเราแม้ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตามนั้น ตนเห็นว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเราเห็นกับตาแล้วว่านายสุรสิทธิ์ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แต่อย่างใด เพราะความพิการมาแต่กำเนิด
