พิจิตร - วิกฤตโรงเรียนเล็กในชนบทนับวันยิ่งรุนแรง..พบ ร.ร.วัดหงษ์ เมืองชาละวัน ล่าสุดเหลือครูประจำการแค่คนเดียว เป็นทั้งครูใหญ่-ครูน้อย กับภารโรงอีกคน โชคดีครูเกษียณช่วยสอนฟรี แถมควักเงินทำกองทุนร่วมชุมชนจ้างครูอาสาด้วย
ร.ต.ท.กิตติ ศรีโสภณ อายุ 57 ปี คณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนวัดหงษ์ ต.ย่านยาว อ.เมืองพิจิตร เปิดเผยว่า ตนเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนวัดหงษ์ เป็นคนในพื้นที่เติบโตอยู่ในชุมชนแห่งนี้ เมื่อได้รับราชการเป็นตำรวจจึงได้มีโอกาสกลับมาทดแทนคุณบ้านเกิด และเห็นปัญหาของโรงเรียนวัดหงษ์ ที่ในอดีตมีเด็กนักเรียนนับร้อยคน มีครูสิบกว่าคน
แต่ทุกวันนี้ทั้งโรงเรียนมีครูประจำการเพียงแค่ 1 คน และมีนักการภารโรงอีก 1 คน มีเด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล-ชั้น ป.6 รวม 28 คน จึงน่าเป็นห่วงว่าอนาคตของเด็กๆ เหล่านี้จะเป็นอย่างไร เพราะเด็กส่วนใหญ่ล้วนเป็นลูกหลานเกษตรกร และแรงงานรับจ้าง ทิ้งลูกหลานให้อยู่กับปู่ย่าตายายที่เป็นคนชราเฝ้าบ้าน ส่วนใหญ่มีฐานะค่อนข้างยากจน ไม่มีโอกาสไปเรียนในเมือง ขณะที่โรงเรียนใกล้บ้านก็กลับกลายเป็นโรงเรียนไม่มีครู
นางจรรยา เพ็ชรพงษ์ หรือ ครูอี๊ด อายุ 61 ปี อดีตเคยเป็นครูที่โรงเรียนวัดหงษ์แห่งนี้มายาวนานถึง 31 ปี แต่ทุกวันนี้ปลดเกษียณแล้วมีเบี้ยบำนาญเดือนละ 48,000 บาท เล่าให้ฟังว่า ตนและสามี คือ นายเจนศักดิ์ เพ็ชรพงษ์ หรือครูเบิ้ม ปลดเกษียณพร้อมกัน แต่ด้วยความเป็นห่วงลูกศิษย์จะไม่มีครูมาสอน จึงมาช่วยสอนตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์โดยไม่รับค่าตอบแทนใดๆ แม้แต่บาทเดียว แถมยังต้องควักเงินส่วนตัวปีละเกือบหมื่นบาทมาช่วยเป็นทุนการศึกษา และเป็นเงินกองทุนเพื่อบริหารจัดการโรงเรียนและช่วยเด็กนักเรียน
เนื่องจากปัจจุบันนี้กระทรวงศึกษาธิการมีกฎเกณฑ์ว่า มีเด็ก 20 คน จะได้ครู 1 คน แต่โรงเรียนวัดหงษ์ในอดีตประมาณปี พ.ศ. 2540 เคยมีเด็กนักเรียนมากถึง 120 คน มีครู 10 คน แต่ต่อจากนั้นครูบางคนก็ขอย้าย บางคนก็ลาออกจากราชการไปประกอบอาชีพอื่น จึงทำให้ครูลดลง และไม่มีครูใหม่มาทดแทน จนเหลือแค่คนเดียว รวมถึงเด็กนักเรียนก็เริ่มลดลงด้วยเพราะผู้ปกครองที่มีฐานะส่งบุตรหลานไปเรียนในเมือง
“ครูกลับมาช่วยสอนที่โรงเรียนตั้งแต่วันที่ปลดเกษียณจนถึงวันนี้ และจะทำต่อไปจนกว่าจะหมดแรง หรือส่งลูกศิษย์ขึ้นฝั่งแม้โรงเรียนจะเหลือเด็กคนเดียว หรือคนสุดท้ายก็ตาม”
ด้านนางสาวภูริชญา รัลมี อายุ 31 ปี จบการศึกษา ป.ตรี สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ นางสาวพิจิตรา ศรีชู อายุ 25 ปี จบ ป.ตรี สาขาอนามัยสิ่งแวดล้อม ทั้งคู่เป็นคนตำบลย่านยาว และเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนวัดหงษ์ เล่าว่า เมื่อเรียนจบก็กลับมาช่วยทางบ้านทำการเกษตรแบบไร่นาสวนผสม
เมื่อมาเห็นโรงเรียนที่เคยเรียน เห็นเด็กๆ ที่เป็นรุ่นน้องก็นึกสงสารจึงคิดว่าน่าจะนำความรู้ที่มีมาถ่ายทอดแบ่งปัน จึงได้ขอสมัครมาเป็นครูจิตอาสาช่วยสอนหนังสือ ซึ่งก็ได้ค่าตอบแทนเดือนละ 6,000 บาท ที่ชาวบ้าน ผู้ปกครอง ผู้นำท้องถิ่น กรรมการสถานศึกษา ผู้ใหญ่ใจดี เรี่ยไรลงขันมอบเงินทำบุญมาให้กับโรงเรียนเป็นกองทุนในการจ้าง
“แม้ว่าจะมีรายรับไม่มากนักแต่ทำแล้วมีความสุขจึงเต็มใจ และอยากเห็นอนาคตของเด็กๆ ในหมู่บ้าน จึงอยากวิงวอนขอให้ภาครัฐหาแนวทางช่วยเหลือโรงเรียนในชนบทที่ล้วนเจอปัญหาแบบนี้อีกหลายแห่งด้วยเช่นกัน”
ขณะที่นางสมหมาย วิชัย รักษาการ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดหงษ์ ที่เป็นครูประจำการเพียงคนเดียวของโรงเรียนแห่งนี้ ทำหน้าที่ทั้งเป็นครูใหญ่ ครูน้อย หัวหน้าฝ่ายพัสดุ และอีกสารพัดตำแหน่ง เปิดเผยว่า เคยคิดท้ออยากลาออกเหมือนกัน แต่คิดดูแล้วว่าถ้าตนเองลาออกลูกศิษย์ก็ถูกลอยแพ จึงสู้ยอมทำทุกอย่างต่อไป
“ทุกวันนี้จะต้องสอนหนังสือ จะต้องวิ่งไปประชุม จะต้องนั่งทำเอกสารต่างๆ ตามระเบียบราชการ ก็ยังสู้ไหว เพราะได้เพื่อนครูที่มีจิตอาสารวมถึงมีคนในชุมชนคอยให้กำลังใจ ซึ่งท้ายที่สุดนี้ก็ทำได้แค่พูดว่าอยากขอความเมตตา อยากขอครูเพิ่ม อยากขอเชิญชวนท่านผู้ใจบุญถ้าอยากจะทำบุญในโอกาสสำคัญหรือวันพิเศษจะมาเลี้ยงอาหารกลางวันเด็ก หรือมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กๆ ที่อยู่ในพื้นที่ชนบทด้วย”
สำหรับผู้ที่สนใจต้องการช่วยเหลือโรงเรียนวัดหงษ์ สามารถติดต่อได้ที่นางสมหมาย ครูโรงเรียนวัดหงษ์ โทร. 08-3960-6253, ร.ต.ท.กิตติ ศรีโสภณ กรรมการสถานศึกษา โทร. 08-7202-0554