แพร่ - เรื่องจริง..ขบวนการไม้เถื่อนตัดต้นสักสวนป่าปลูกเมืองแพร่เผาตอกลบร่องรอย ขนรวมหมอน-แปรรูปขายกันโจ๋งครึ่ม ล่าสุด หน.สวนป่าสรอยเจอสั่งย้าย แต่ยังไม่พ้นเขตจังหวัดฯ
ความคืบหน้ากรณีขบวนการทำไม้เถื่อนเมืองแพร่ลอบตัดไม้สักสวนป่า และแปรรูปไม้ ในพื้นที่สวนป่าสรอย ต.แม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่ และมีการนำรถยนต์กระบะขับเคลื่อนสี่ล้อของทางราชการ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน ษพ 3140 แพร่ ให้ลูกจ้างชั่วคราวสำนักงาน ออป.สรอย ใช้ส่วนตัว กระทั่งชาวบ้านในพื้นที่ทนไม่ไหว ทำเรื่องร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น
ล่าสุดคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการลักลอบตัดไม้ในเขตสวนป่าสรอย องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จังหวัดแพร่ ตรวจสอบแล้วพบว่าหัวหน้าสวนป่าสรอย ต.แม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่ ปล่อยให้มีการลักลอบตัดไม้ในสวนป่าเศรษฐกิจของ ออป.ดังกล่าวจริง ต่อมานายภูษิต มหานพ ผอ.สำนักบริหารทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 แพร่-น่าน ได้มีคำสั่งถึง ออป.แพร่ ให้ดำเนินการลงโทษหัวหน้าสวนป่าสรอยทั้งคดีอาญาและทางวินัย โดยมีการสั่งย้ายไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าสวนป่าแม่แฮด ต.เตาปูน อ.สอง จ.แพร่ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การทุจริตในสวนป่า ออป.แพร่ สร้างความเสียหายให้แก่รัฐอย่างมหาศาล โดยมีรายงานว่าบางพื้นที่มีข้าราชการร่วมมือกับกลุ่มทุนไม้เถื่อนในท้องที่ลักลอบตัดไม้สักจากสวนป่าเศรษฐกิจขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) มากกว่า 20,000 ไร่
กรณีสวนป่าสรอยดังกล่าวนี้มีแนวเขตสวนป่าอยู่ใน ต.แม่พุง ต.สรอย ต.วังชิ้น อ.วังชิ้น มีพื้นที่อยู่ในแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่สรอย ปลูกสร้างสวนป่ามาตั้งแต่ปี 2521 แบ่งออกเป็นแปลงย่อยๆ จำนวน 10 แปลง มีแนวเขตสัมปทานปลูกไปแล้วกว่า 10,000 ไร่ พื้นที่ที่มีรายได้ทางเศรษฐกิจมากถึง 8,799 ไร่
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การตัดไม้สักสวนป่าสรอย โดยเจ้าหน้าที่ร่วมมือ หรือรู้เห็น หรือรับผลประโยชน์ร่วมกับข้าราชการบางหน่วยในอำเภอวังชิ้น โดยมีการลักลอบตัดไม้สวนป่ามากบริเวณริมแม่น้ำยมจนสภาพสวนป่าเสื่อมโทรมลง แล้วอำพรางตอไม้สักที่ตัดด้วยการเผาป่าให้ตอเป็นสีดำจนไม่รู้ว่าเป็นตอตัดใหม่หรือตอเก่า ก่อนขนไปรวมหมอนอยู่บริเวณทางผืนป่าฝั่งตะวันตก เขต ต.วังชิ้น มีทางเข้าตรงบริเวณบ้านใหม่ ต.วังชิ้น ซึ่งหมอนไม้ดังกล่าวมียามเฝ้าต้นทางที่ปากทางเข้า
นอกจากนี้ ยังเคยเกิดกรณีเจ้าหน้าที่ ออป.ได้ตัดไม้สักนอกเขตป่าสงวนที่ปลูกรุกล้ำพื้นที่ว่างเปล่าของบ้านปางมะโอ หมู่ 12 ต.แม่พุง อ.วังชิ้น กว่า 30 ต้น โดยไม่มีการตีตราตัด หรือตีตราชักลากแต่อย่างใด
ขณะที่ชาวบ้าน ต.แม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่ ได้ยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ เมื่อ 23 มี.ค. 61 ที่ผ่านมา ให้มีการตรวจสอบการทำไม้นอกระบบ ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้และภาษีอากรจำนวนมหาศาล ซึ่งนำไปสู่สภาวะขาดทุนขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
ด้านนายสกุลไชย จูมทอง นายอำเภอวังชิ้น กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทางราชการไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังได้รับหนังสือร้องเรียนก็เข้าตรวจสอบ เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญและเป็นสาเหตุที่มีการเผาสวนป่าเป็นประจำ ทำให้เกิดหมอกควันจนจังหวัดแพร่เป็นจังหวัดที่มีปัญหาหมอกควันรุนแรง
โดยที่ผ่านมาเคยสั่งการให้มีการตรวจสอบการขออนุญาตตัดไม้สักสวนป่าครั้งละนับ 1,000 ต้น แต่ไม่มีระบบตรวจสอบอย่างจริงจัง และการให้ใบอนุญาตก็อาจนำไปสู่การสวมตอก็เป็นได้ ทางที่ดีที่สุดประชาชนควรให้ความสำคัญและช่วยกันดูแล ซึ่งถ้ามีการตัดไม้อย่างถูกต้อง รายได้จะเข้ารัฐทั้งผลกำไรและภาษีอากร ท้องถิ่นก็ได้ภาษีไปพัฒนาด้วย
ส่วนที่มีข่าวว่าข้าราชการระดับปลัดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ว่ามีหรือไม่ ถ้ามีก็จะเสนอลงโทษเช่นกัน
