นครสวรรค์ - สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น..หนุ่มใหญ่ชาวกรุงออกเดินเทิดพระเกียรติในหลวง ร.๑๐ เหนือจดใต้ ล่าสุดเข้าเขตปากน้ำโพแล้ว ประกาศชัดไม่รับเงินบริจาค-ไม่มีบัญชีแบงก์ ถึงเบตงเมื่อไหร่บวชถวายเป็นพระราชกุศลต่อ
วันนี้ (31 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนทางหลวงหมายเลข 1 พหลโยธิน ฝั่งขาล่อง ช่วงหนองเบน-นครสวรรค์ พื้นที่ ต.หนองกระโดน อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีชายวัยกลางคนรายหนึ่งสวมเสื้อคอปกสีเหลือง กางเกงขายาวสีดำ เดินสะพายกระเป๋าซึ่งมีธงชาติไทย และธงตราสัญลักษณ์ประจำในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ปักอยู่ด้านหลัง มือทั้งสองข้างถือพระบรมฉายาลักษณ์ ร.๑๐ เดินไปตามไหล่ทางหน้าเข้าสู่เมืองนครสวรรค์
เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถาม ทราบว่าชายคนดังกล่าวชื่อนายนิพนธิ์ เอี่ยมสอาด อายุ 52 ปี เป็นชาวกรุงเทพฯ โดยกำเนิด มีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ที่พระองค์ท่านเคยมีรับสั่งให้ส่งเจ้าหน้าที่มาให้การช่วยเหลือ จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เดินทางไปที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ก่อนจะเดินเท้าเพื่อเทิดพระเกียรติฯ จากแม่สาย-ยะลา
นายนิพนธิ์เล่าว่า ก่อนหน้านี้เคยได้เขียนประวัติและเรื่องราวส่วนตัวของตน แล้วส่งผ่านให้แก่ผู้แทนพระองค์เพื่อทำเรื่องทูลเกล้าฯ แล้ว ปรากฏว่าในสัปดาห์ต่อมาพระองค์ท่านทรงให้เจ้าหน้าที่นำสิ่งของพระราชทานมามอบให้ถึงบ้านเช่าตนที่เขตประชาชื่น กรุงเทพฯ จนทำให้ตนรู้สึกดีใจสุดชีวิต และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน จึงตั้งจิตปฏิญาณขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป และจะขอทำความดีเพื่อพระองศ์ท่านด้วย
โดยได้เริ่มเดินออกจาก อ.แม่สายมาตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 61 ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จนกระทั่งวันนี้ผ่านมา 35 วัน จึงได้เดินเท้าเข้าสู่เขต จ.นครสวรรค์ และจากนี้ก็จะเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเวลาค่ำจึงค่อยหาที่นอน
“แม้ผมจะไม่ใช่คนร่ำรวย แต่ขอทำด้วยใจที่แน่วแน่เพื่อถวายแด่พระองค์ท่านที่ทรงพระกรุณามอบสิ่งของพระราชทานมาให้ ผมจึงขอเดินเท้าจากแม่สาย จ.เชียงราย-อ.เบตง จ.ยะลา และหลังจากนั้นจะบวชเป็นพระเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน และพระมหากษัติริย์ทุกพระองค์ต่อไป”
นายนิพนธิ์บอกว่า การเดินเฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.๑๐ จากเหนือสุด-ใต้สุดในครั้งนี้ ตนได้มีการเขียนบันทึกติดตัวไว้ด้วย หากประสบปัญหาหรือมีอุปสรรคด้านต่างๆ จนภารกิจไม่สำเร็จ เช่น เกิดอุบัติเหตุ หรือถึงขั้นต้องเสียชีวิต จะขอมอบร่างกายให้โรงพยาบาล เนื่องจากปัจจุบันอยู่ตัวคนเดียว พ่อกับแม่ได้เสียชีวิตไปแล้ว และได้เลิกรากับภรรยามานานกว่า 2 ปี
นายนิพนธิ์ยังได้เล่าถึงการชีวิตในการเดินเท้าตลอดทั้ง 35 วันว่า แต่ละวันจะเริ่มออกเดินตั้งแต่ 7 โมงเช้า และเดินจนกว่าจะถึงเวลา 1 ทุ่มจึงจะหาจุดที่สามารถพักนอนได้ โดยจะเลือกสถานที่ที่มีผู้คนเยอะๆ เป็นหลักเพื่อความปลอดภัยในการค้างแรม ส่วนอาหารการกินก็จะเน้นซื้อข้าวเหนียว ปลากระป๋อง ไข่ทอด น้ำพริก ผักต้ม เป็นหลัก
ซึ่งตั้งแต่เดินเท้ามาตลอดทางก็เริ่มมีชาวบ้านที่เห็นนำอาหารมาให้ตามทางบ้างก็มี ตนขอขอบคุณความมีน้ำใจของเขาเหล่านั้น แต่หากมีใครนำเงินมาให้ตนจะไม่รับอย่างเด็ดขาดทุกกรณีไม่ว่าจะเป็นเงินบริจาค หรือเงินอะไรตนไม่รับทั้งสิ้น และตนไม่มีบัญชีธนาคารด้วย หากมีใครแอบอ้างขอรับบริจาคนำเงินมาช่วยตน ขอเตือนไว้ว่านั่นคือมิจฉาชีพที่แอบอ้าง
และตลอดเส้นทางเดินเท้าตั้งแต่พะเยา ลำปาง ตาก กำแพงเพชร จนถึงนครสวรรค์ จะพบว่ามีเหรียญสตางค์ตกอยู่ ซึ่งก็ได้เก็บเหรียญที่พบเจอใส่ในเป้นำติดตัวไปด้วย โดยจะเก็บไว้ไม่ใช้ เพราะถือว่าเป็นความโชคดีของตน ที่มีเหรียญศักดิ์สิทธิ์ทั้งของพ่อหลวงรัชกาลที่ ๙ และในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ คุ้มครองตนให้ปลอดภัยไปตลอดทาง
“ผมถือว่าการเก็บเหรียญสตางค์ได้แบบนี้ คือความสุขมากกว่าการที่มีคนอื่นนำเงินมาให้ ซึ่งหลังจากที่เดินเท้าจนถึงปลายทางแล้ว ผมจะนำเหรียญสตางค์ที่เก็บได้ทั้งหมดนำไปบูชาต่อไปด้วย”