นครปฐม - เกษตรกรเตรียมเฮ กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียนิยมนำหัวปลีไปประกอบอาหารทดแทนการบริโภคเนื้อสัตว์ ราคาสูงถึงหัวละ 1 พันบาท ขณะที่ประเทศไทยแทบไม่มีราคา ปูเสื่อรอยอดสั่งซื้ออย่างมีความหวัง
นายแสวง พรรธน์วัฒนากร อายุ 63 ปี หมู่ 11 ตำบลห้วยม่วง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เกษตรกรปลูกกล้วยน้ำว้าขาย บนพื้นที่ 13 ไร่ เผยว่า ขณะนี้หัวปลีไทยที่ขายในประเทศเยอรมนี มีราคาแพงถึงกิโลกรัมละ 1,000 บาท หรือหัวละ 6-8 ยูโร อีกทั้งยังหาซื้อได้ยากอีกด้วย แต่สำหรับในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ปลูกกล้วยน้ำว้ากันได้ทุกจังหวัด และมีหัวปลีจำนวนมาก จึงทำให้หัวปลีไม่ค่อยมีราคา ขณะนี้ยังรอกลุ่มผู้ส่งออกมารับซื้อ ซึ่งคิดว่าน่าจะได้ราคาเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว เป็นทางเลือกที่ดี และสดใสสำหรับเกษตรกรหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้
จากการสอบถามบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดปฐมมงคล (ตลาดใหญ่นครปฐม) ก็พบว่า มีการนำหัวปลีมาวางขายกันไม่มากนัก ร้านละ 5-10 กิโลกรัม ขายในราคา กิโลกรัมละ 10 บาท แตกต่างจากกลุ่มผู้ส่งออกซึ่งจะมาเหมาหัวปลีเพื่อไปจำหน่ายยังกลุ่มประเทศแถวทวีปยุโรป ซึ่งมีข้อมูลว่า ที่นั่นยังขาดตลาด และต้องมีการจองคิวกันโดยไม่มีกำหนด ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ราคาของหัวปลีของเกษตรกรมีราคาดีขึ้นในอนาคตด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจากหัวปลีจะมีความเหนียวของเส้นใยเป็นไฟเบอร์ชั้นดี อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเป็นยาสมุนไพร ทั้งการรับประทาน หรือนำมาใช้เป็นยารักษาภายนอกได้อีกด้วย สรรพคุณของหัวปลียังมีอีกมากมาย เช่น บำรุงรักษาฟันให้แข็งแรง ทำให้ฟันขาวสะอาด บำรุงรักษานม สำหรับแม่ลูกอ่อนได้เป็นอย่างดี ช่วยแก้อาการเจ็บท้อง รักษาโรคกระเพาะ รักษาแผลสด และดูดหนอง
บรรเทาอาการบวมจากแมลงสัตว์กัดต่อย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยในเรื่องโรคเบาหวาน บำรุงรักษาธาตุ บำรุงเลือด ช่วยโรคโลหิตจาง ช่วยให้โลหิตไหลเวียนดี บำรุงรักษาไส้ รักษาแผลในปากให้หายเร็วขึ้น ช่วยเรื่องปากเปื่อยยุ่ย แก้ร้อนใน ทำให้ทรวงอกแต่งตึง ไม่หย่อนยาน เพิ่มธาตุเหล็กในร่างกาย และบำรุงผิวพรรณให้นวลเนียน ดูแล้วผ่องใสขึ้น ดังนั้น ในประเทศเยอรมนีจึงนำจุดเด่นของหัวปลีไทย นำมาทำเป็นอาหารกันอย่างแพร่หลาย
สำหรับหัวปลี สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้อย่างหลากหลาย เช่น แกงต้มข่าไก่ แกงเลียง ชุบแป้งทอด ยำกบ ห่อหมก ต้มจิ้มน้ำพริก ใช้เป็นผักดิบกินแก้มกับผัดไทย ขนมจีนน้ำยา เป็นต้น แต่คนไทยจำนวนมากยังมองหัวปลีไม่มีคุณค่าอะไรมากนัก ทำให้ราคาขายหัวปลีมีราคาค่อนข้างถูก และเจ้าของสวนบางแห่งถึงกับต้องตัดทิ้งอย่างไร้คุณค่าอีกด้วย