กาฬสินธุ์ - แจงเส้นทางขยะอิเล็กทรอนิกส์ทะลักเข้าตำบลโคกสะอาด อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ วันละ 34 ตัน สะสมนานกว่า 20 ปีจนเป็นขยะตกค้าง ยันไม่ใช่ขยะพิษนำเข้าจากต่างประเทศ ระบุแนวทางกำจัดต้องรองบประมาณ
จากกรณีขยะพิษจากต่างประเทศทะลักเข้าเมืองไทย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม กระทั่ง พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกประกาศขยะพิษต้องหมดภายใน 2 ปี ขณะที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นแหล่งคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์แหล่งใหญ่ ทำกันมานานกว่า 20 ปีนั้น นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ สั่งคณะกรรมการสาธารณสุขจังหวัด (คสจ.) ตรวจสอบและหาทางป้องกัน ขณะที่ชาวบ้านในชุมชนตำบลใกล้เคียงออกมาร้องเรียนเรื่องมลพิษทางอากาศ และ พล.ต.จุมพล จุมพลภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 3 ในฐานะ ผบ.กกล.รส.จ.กาฬสินธุ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่รับฟังปัญหา พบว่าชาวบ้านยังประกอบอาชีพตามปกติและดำเนินชีวิตอย่างปลอดภัย ขณะที่เสียงสะท้อนเรียกร้องให้มีการสร้างเตาเผาขยะอย่างถูกวิธีเนื่องจากลักลอบเผาเกิดมลพิษทางอากาศ ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (26 ส.ค. 61) นายพิชิต สมบัติมาก ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ (ทสจ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งในคณะกรรมการสาธารณสุขจังหวัด (คสจ.) กล่าวว่า จากการเก็บข้อมูลขยะอิเล็กทรอนิกส์ ต.โคกสะอาด อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ พบว่ามีครัวเรือนที่ประกอบอาชีพคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ 154 แห่ง, มีขยะนำเข้าจากพื้นที่อื่นวันละประมาณ 34 ตัน หรือเดือนละ 1,000 ตัน แยกเป็นเครื่องยนต์ วันละประมาณ 7 ตัน/เดือนละ 217 ตัน, เครื่องใช้ไฟฟ้า วันละ 7 ตัน/เดือนละ 214 ตัน, เศษวัสดุจากงานก่อสร้าง วันละ 8 ตัน/เดือนละ 265 ตัน และวัสดุรีไซเคิล วันละ 10 ตัน/เดือนละ 324 ตัน โดยขยะอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวการันตีว่าไม่ได้นำเข้าจากต่างประเทศ
ของเก่าหรือขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนดังกล่าว หลังผ่านกระบวนคัดแยกจะเหลือขยะที่นำไปทิ้งที่บ่อกำจัดขยะของ อบต.โคกสะอาด วันละประมาณ 800 กก./เดือนละ 24 ตัน แยกเป็นโฟม เดือนละประมาณ 9 ตัน, ประเภทยางรถเดือนละประมาณ 4 ตัน, เศษเครื่องใช้ไฟฟ้า เดือนละประมาณ 3 ตัน และเศษวัสดุอื่นๆ เดือนละประมาณ 6 ตัน ซึ่งเมื่อเกิดการสะสมต่อเนื่องมานานกว่า 20 ปี ทำให้มีเศษซากที่เกิดจากการลักลอบเผา ที่ซึ่งเป็นขยะพิษอันตราย กองสุมในบ่อขยะประมาณ 320 ตัน
“เบื้องต้นมอบหมายให้ อบจ.กาฬสินธุ์ทำแผนงานและตั้งงบประมาณขนย้ายขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เหลือจากการคัดแยก และถูกนำมาทิ้งและเผาในบ่อขยะของ อบต.โคกสะอาด ปริมาณ 320 ตันดังกล่าว ซึ่งเป็นขยะพิษ อันตราย โดยเฉพาะเศษแก้ว, โฟม, กากยางรถที่เหลือจากการเผาไหม้ หากจะกำจัดอย่างถูกวิธีจะต้องนำรถบรรทุกขนย้ายไปที่โรงงานกำจัดขยะที่ได้มาตรฐานใน จ.สระแก้ว และจ.สระบุรี โดยจะมีค่าดำเนินการทั้งค่าบดอัด ค่าขนส่ง เฉลี่ยตันละ 17,000 บาท ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณถึง 5-6 ล้านบาท” นายพิชิตกล่าว
ขั้นตอนต่อไป หลังจากเก็บกวาดบ่อขยะของ อบต.โคกสะอาด ด้วยการขนย้ายไปกำจัดแล้ว จะหาหน่วยงานเข้ามารับเป็นเจ้าภาพออกแบบโรงกำจัดขยะที่ถูกต้องตามหลักวิชาการต่อไป ทั้งนี้เพื่อป้องกันการรั่วซึมของสารเคมีต่างๆ และการลักลอบเผาที่สร้างมลพิษ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวเกิดความยั่งยืน ขณะที่การสร้างเตาเผาขยะนั้น จะดำเนินการช่วงไหนอย่างไร เป็นขั้นตอนหลังเสร็จสิ้นการสร้างโรงกำจัดขยะที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ว่าจะมีศักยภาพในการจัดการหรือกำจัดเศษขยะพิษมีประสิทธิภาพแค่ไหน
สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ (ทสจ.) มีความเป็นห่วงและใส่ใจแก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะความปลอดภัยของประชาชน และระบบนิเวศ โดยได้ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภาค 10 และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขภายในพื้นที่ตรวจสุขภาพและเฝ้าระวังผลกระทบที่เกิดจากมลพิษทางอากาศ รวมทั้งสารพิษ สารเคมีที่จะการรั่วซึมลงสู่แหล่งน้ำ พื้นดิน อย่างใกล้ชิด ติดตามผลทุกเดือน
ทั้งนี้ ผลจากการควบคุมป้องกัน และตรวจสอบอันตรายที่หลายๆ ฝ่ายกังวล เช่น อันตรายต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมนั้น พบว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ชาวบ้านยังประกอบอาชีพคัดแยกขยะ และดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข ขณะที่การร้องเรียนประเด็นควันพิษจากการเผาขยะนั้นยอมรับว่ามีบ้างในระหว่างเผา แต่จากการตรวจค่าสารพิษและหมอกควันทางอากาศที่จะสร้างมลพิษมลภัย พบว่ายังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และชีวิตของชุมชน