ชัยภูมิ - สตช.สั่งเด้งด่วนแล้ว “ผกก.” สภ.เมืองชัยภูมิ พร้อมสารวัตรปราบปรามและรองสารวัตรอีก 2 นาย เซ่นชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองและดีเอสไอบุกจับร้านคาราโอเกะชื่อดังชัยภูมิค้ากามสาวอายุ 16 ปี พร้อมแฉหลักฐานจ่ายส่วยตำรวจท้องที่
วันนี้ (22 ส.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยฝ่ายปกครองจังหวัดชัยภูมิ และองค์กรระหว่างประเทศด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ LIFT international (NGOs) ได้นำกำลังเข้าล่อซื้อจับกุมขบวนการลักลอบค้าประเวณีและค้ามนุษย์ ในร้านวรรณศิริคาราโอเกะ ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงหมายเลข 201 ต.โพนทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ หรือ “ย่านตึกทำเนียบขาว” ได้ผู้ต้องหาเป็นเจ้าของร้าน 1 ราย และพนักงานหญิงสาวลักลอบค้าประเวณี 7 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กหญิงอายุ 16 ปี จำนวน 2 ราย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเจ้าของร้านว่า ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณีและข้อหาค้ามนุษย์ ซึ่งผู้ต้องหาให้การสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมแสดงหลักฐานการจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ สภ.เมืองชัยภูมิ ด้วยตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดมีรายงานว่า พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้รายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นกรณีดังกล่าวให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทราบเป็นการด่วนแล้ว และ สตช.มีคำสั่งย้ายนายตำรวจในท้องที่ สภ.เมืองชัยภูมิ ที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงจำนวน 3 นาย
ประกอบด้วย พ.ต.อ.พงศ์พัชร์ แจ้งหมื่นไวย์ ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ, พ.ต.ต.พรชัย แเสงศิลา สารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.เมืองชัยภูมิ และ ร.ต.อ.อุทัย หงษ์วิเศษ รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.เมืองชัยภูมิ ให้ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิโดยไม่มีกำหนด จนกว่าการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิจะเสร็จสิ้น
สำหรับหลักฐานสำคัญที่เป็นบันทึกการแชตไลน์เรียกเก็บส่วยระหว่าง “ตำรวจอุทัย” กับ เจ้าของร้านคาราโอเกะลักลอบค้าประเวณี ซึ่ง ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิได้ปฏิเสธไปก่อนหน้านี้ว่าไม่มีตำรวจชื่อนี้ในสังกัด สภ.เมืองชัยภูมินั้น ทาง พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่า คือ ร.ต.อ.อุทัย หงษ์วิเศษ รองสารวัตรป้องกันปราบปรามสังกัด สภ.เมืองชัยภูมิ ซึ่งทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการเอาผิดทางวินัยร้ายแรงต่อไป