ชัยภูมิ - ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง-ดีเอสไอล่อซื้อบุกจับร้านคาราโอเกะดังย่าน “ตึกทำเนียบขาว” เมืองชัยภูมิ ลอบค้ากามเด็กสาว รวบแม่เจ้าเล้าเจ้าของร้านพร้อมหญิงสาวค้าประเวณี 7 คน เป็นเด็กอายุ 16 ปี 2 คน แจ้งข้อหาหนักค้ามนุษย์ แฉจ่ายส่วยตำรวจ ด้าน ผกก.เมืองชัยภูมิโอดทำดีที่สุดแล้ว พร้อมรับโดนเด้ง
วันนี้ ( 22 ส.ค.) เมื่อเวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย นายมานะ สิมมา ผู้อำนวยการส่วนการสอบสวนคดีอาญา และ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการส่วนกำกับ สืบสวนและปราบปราม ร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัดชัยภูมิ นำโดย นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา ปลัดจังหวัดชัยภูมิ นายเจนเจตน์ เจนนาวิน นายอำเภอเมืองชัยภูมิ พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ แจ้งหมื่นไวย์ ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ และองค์กรระหว่างประเทศด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ LIFT international (NGOs) นำโดยนายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ผอ.ฝ่ายสืบสวน ได้เปิดแถลงผลการสนธิกำลังเข้าจับกุมขบวนการลักลอบค้าประเวณีและค้ามนุษย์ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ณ ห้องประชุมอำเภอเมืองชัยภูมิ
ภายหลังได้ระดมกำลังออกปฏิบัติการในพื้นที่เขต อ.เมืองชัยภูมิ มาตั้งแต่เวลา 21.00 น.วันที่ 21 ส.ค. ต่อเนื่องจนถึงเวลา 01.00 น.ของวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา ตามที่องค์กรระหว่างประเทศด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ LIFT international (NGOs) ร้องเรียนและแจ้งเบาะแสผ่านศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย (วังไชยา) ว่า มีร้านคาราโอเกะในเขต อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ชื่อว่า “วรรณศิริ คาราโอเกะ” ตั้งอยู่ติดถนนทางหลวงหมายเลข 201 ต.โพนทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เปิดร้านคาราโอเกะเพื่อบังหน้าลักลอบให้พนักงานค้าประเวณีอยู่ภายในร้านดังกล่าว ซึ่งมีเด็กสาวอายุต่ำกว่า 18 ปีด้วย โดยมีเจ้าของหรือผู้ดูแลสถานประกอบการมีพฤติกรรมเป็นธุระจัดหาเพื่อการค้าประเวณี และได้รับผลประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว โดยเรียกผลประโยชน์จากเด็กสาวผู้ค้าประเวณีจากค่าตัวเฉลี่ยรายละ 1,200 บาทด้วยการหักเปอร์เซ็นต์ค่าตัวครั้งละ 300 บาท ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์
ทางด้านอธิบดีกรมการปกครองจึงได้มีคำสั่งให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ร่วมกับดีเอสไอ ฝ่ายปกครองจังหวัดชัยภูมิ และ LIFT international เข้าตรวจสอบวางแผนล่อซื้อและจับกุมเจ้าของ “ร้านวรรณศิริ คาราโอเกะ” คือ น.ส.กาญจนา ทองล้วน ที่ตั้งอยู่เลขที่ 121/2-3 หมู่ 11 ต.โพนทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ พร้อมพนักงานหญิงลักลอบค้าประเวณีอยู่ภายในร้าน รวมจำนวน 7 คน เป็นคนไทยทั้งหมด ตรวจสอบเบื้องต้นพบเด็กหญิงมีอายุ 16 ปี จำนวน 2 คน รวมอยู่ด้วย
นอกจากนี้เจ้าของร้านคาราโอเกะอ้างว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ยศ “ดาบตำรวจ” รายหนึ่งที่อ้างตัวเป็นตำรวจท้องที่ สภ.เมืองชัยภูมิ มาเรียกรับส่วยดูแลให้เปิดร้านคาราโอเกะ ซึ่งพบว่าไม่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้องและปล่อยให้มีการเปิดลักลอบค้าประเวณี โดยมีการจ่ายเงินให้เป็นค่าดูแลในแต่ละเดือนหลักหลายหมื่นบาท
จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมหลักฐานมาที่ที่ว่าการอำเภอเมืองชัยภูมิเพื่อตรวจสอบรายละเอียด และรวบรวมพยานหลักฐานส่งดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมประสานเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และพนักงานสอบสวนร่วมทำการสัมภาษณ์เพื่อคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาเจ้าของ “ร้านวรรณศิริ คาราโอเกะ” ว่า ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณีและข้อหาค้ามนุษย์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งผู้ต้องหาให้การสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ ชุดปฏิบัติการพิเศษได้ดำเนินการสืบสวนติดตามพฤติกรรมร้านคาราโอเกะในจุดย่านนี้เป็นพิเศษมาอย่างต่อเนื่องหลังจากมีการร้องเรียนไปที่ศูนย์ดำรงธรรมของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งคนในพื้นที่ต่างทราบดีว่าเป็นศูนย์รวมร้านคาราโอเกะที่ตั้งอยู่ติดกันจำนวนมากกว่า 18 คูหาเปิดขึ้นมาบังหน้าเพื่อลักลอบค้าประเวณี จนชาวชัยภูมิเรียกกันติดปากว่า “ตึกทำเนียบขาว” ซึ่งเข้าข่ายค้ามนุษย์ กระทั่งนำมาสู่การวางแผนล่อซ้ำจับกุมในครั้งนี้
ขณะที่ พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ แจ้งหมื่นไวย์ ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ ยืนยันว่า ไม่มีดาบตำรวจที่มีชื่อเรียกรับส่วยร้านคาราโอเกะดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.เมืองชัยภูมิแต่อย่างใด และหากตนจะต้องถูกย้ายออกจากพื้นที่ในครั้งนี้ก็พร้อมรับปฏิบัติตามคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา เพราะได้ทำดีที่สุดแล้ว ส่วนใครจะมาแอบอ้างอะไรก็เป็นเรื่องที่กล่าวอ้างไปได้ และยืนยันว่าไม่มีตำรวจพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเด็ดขาด ซึ่งมีการตรวจสอบในเบื้องต้นแล้ว
