xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ว่าฯ กาญจน์ออกหนังสือด่วนที่สุด แจ้งทุกอำเภอเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ 24 ชม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - ผู้ว่าฯ กาญจน์ ออกหนังสือด่วนที่สุด ถึงนายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกอำเภอ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ 24 ชม. หวั่นเกิดอุทกภัย เร่งแจ้งเตือนประชาชน และผู้ประกอบการเตรียมรับมือ

วันนี้ (19 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้ออกหนังสือ ด่วนที่สุด เลขที่ กจ.0021/ว.25246 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2561 ถึงนายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกอำเภอ รวมทั้งประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี ระบุว่า ด้วยกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง ได้ติดตามสภาวะอากาศ ปริมาณฝนสะสม สถานการณ์น้ำท่า และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ พบว่า ช่วงที่ผ่านมา ทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่เกิดอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม

ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยา มีประกาศฉบับที่ 29 (398/2561) ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2561 เวลา 17.00 น. พบว่า เมื่อเวลา 16.00 น. พายุโซนร้อน “เบบินคา” (BEBINCA) บริเวณประเทศเวียดนามตอนบนได้เคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศลาว และอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว โดยอยู่ห่างจากจังหวัดน่าน ของประเทศไทยประมาณ 250 กิโลเมตร ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 17-20 สิงหาคม 2561 ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมาก

โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือตอนบน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ซึ่งพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย และดินโคลนถล่ม ภาคกลาง 11 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ราชบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์

ดังนั้น เพื่อเป็นการแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัย น้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้น และเน้นย้ำมาตรการเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังนี้

1.แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ และคอยติดตามข้อมูลข่าวสาร สภาพน้ำท่า สภาพอากาศ อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ โดยให้ถือปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด

2.แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยสร้างทาง หน่วยงานชลประทาน หน่วยทหาร อาสาสมัครองค์กรการกุศล เพื่อประสานบูรณาการอย่างสอดคล้องตามแผนเผชิญเหตุ เตรียมพร้อมทรัพยากร เครื่องมือ อุปกรณ์กู้ชีพกู้ภัย และกำลังเจ้าหน้าที่ในการเข้าช่วยเหลือประชาชน กู้ภัย และบรรเทาภัยตลอด 24 ชั่วโมง

หากมีความจำเป็นต้องอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวแล้ว ให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงความจำเป็นที่ต้องอพยพเพื่อความปลอดภัยของประชาชน และดำเนินการอพยพไปอยู่ในจุดปลอดภัยตามแผนเผชิญเหตุ

3.หากเกิดสถานการณ์สาธารณภัยขึ้นในพื้นที่ ให้รายงานสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรีทราบ ภายใน 24 ชั่วโมง ทางหมายเลขโทรศัพท์/โทรสาร 0-3451-5998, 0-3451-6795 สำหรับอำเภอ ขอให้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ (เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล) ทราบและดำเนินการด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี/ผู้อำนวยการจังหวัด ยังได้ออกหนังสือ “ด่วนที่สุด” อีกหนึ่งฉบับ จากกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ที่ กจ.0021/ว.25247 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2561 ถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เรื่อง แจ้งการปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนวชิราลงกรณ โดยหนังสือดังกล่าวได้อ้างถึงโทรสารในราชการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี “ด่วนที่สุด” ที่ กจ.0021/15047 ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2561

ระบุว่า ตามที่อ้างถึง กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ได้แจ้งให้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฝนตกหนักจากพายุโซนร้อน “เบบินคา” ระหว่างวันที่ 15-18 สิงหาคม 2561 ประกอบกับเขื่อนวชิราลงกรณ มีแผนการพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำ หรือเขื่อนวชิราลงกรณ

โดยจะปรับเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนวชิราลงกรณ ดังนี้ วันที่ 18-22 สิงหาคม 2561 ระบายน้ำเฉลี่ย 43 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน วันที่ 23-27 สิงหาคม 2561 ระบายน้ำเฉลี่ย 53 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน (โดยจะระบายผ่านทางช่องทางปกติวันละ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร และผ่านทางระบายน้ำล้น (Spillway) วันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร)

ซึ่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ยังสามารถรับน้ำได้อีก 968 ล้านลูกบาศก์เมตร และให้ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยมีการบริหารจัดการน้ำในอ่างให้อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ หากสถานการณ์น้ำมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีการปรับแผนระบายน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ จะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอีกครั้ง

จึงขอให้ท่านประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการตลอดจนประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ ที่อาจจะได้รับผลกระทบได้รับทราบ สำหรับอำเภอขอให้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล ทราบต่อไปด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น