เลย - ชาวสวนชวนทุเรียนพันธุ์คักเลยประกาศงดจองล่วงหน้า อยากกินให้เดินทางไปซื้อหน้าสวนตั้งแต่ปลายสิงหาคม-สิ้นกันยายนนี้ กิโลฯ ละ 150 บาท เผยปีนี้ออกผลน้อยราว 10-15 ตัน แต่แม้ราคาสูงแต่เชื่อไม่พอขาย
ยอดภูเขาห้วยยอดกกทอง ต.บุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย ถือเป็นแหล่งเพาะปลูกทุเรียนพันธุ์ “คักเลย” ที่มีรสชาติอร่อยไม่เหมือนทุเรียนที่ปลูกในจังหวัดอื่น ภายใต้สโลแกน “กลิ่นหอมหวน นวลหนาใหญ่ ในเม็ดเล็ก” มีความหมายว่า มีกลิ่นหอมแต่ไม่ฉุน มีพูใหญ่เนื้อหนา ส่วนเมล็ดลีบเล็ก จึงเป็นที่นิยมบริโภคเป็นอย่างมาก ผลผลิตออกมาแต่ละปีไม่พอกับความต้องการ
โดยทุกปีทุเรียนพันธุ์คักเลย ต.บุฮม ต้องสั่งจองกันข้ามปี ปีที่ผ่านมาเกษตรกรเจ้าของสวนทุเรียนหลายรายกลายเป็นเศรษฐีน้อยๆ จับเงินล้านยิ้มจนแก้มแทบปริ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนบนยอดภูเขาห้วยยอดกกทองมีมติออกมาแล้วว่าไม่เปิดรับจองล่วงหน้าเพราะผลผลิตออกน้อย หากใครอยากซื้อเชิญหน้าสวนตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค.-ปลายเดือน ก.ย.นี้ ในราคาขายกิโลกรัมละ 150 บาท เชื่อว่าไม่พอขายเหมือนเช่นทุกปี
นายคำฮู้ ไชยบุตร ผู้ใหญ่บ้านวัฒนาภิรมณ์ ต.บุฮม อ.เชียงคาน หนึ่งในเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนพันธุ์คักเลยบอกว่า บนภูเขาห้วยยอดกกทอง ต.บุฮม มีความสูงจากระดับทะเล 692.3 เมตร เป็นพื้นที่ป่า แต่เป็นป่าที่เสื่อมโทรม ชาวบ้านได้บุกรุกทำกินมากว่า 30-40 ปีมาแล้ว ส่วนใหญ่จะปลูกผลไม้เกือบทุกชนิดที่สามารถปลูกได้ในเมืองไทย ทั้ง มะม่วง ฝรั่ง มะละกอ กล้วย และมังคุด เงาะ ลองกอง ผลไม้เหล่านี้ปลูกแล้วงอกงามดีทุกชนิดเนื่องจากสภาพดินในแถบนี้เป็นภูเขาไฟเก่าจึงทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ ที่สำคัญสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
สำหรับทุเรียนพันธุ์ “คักเลย” นั้น ปลูกกันมาได้ราว 7-8 ปี โดยมีเกษตรกรปลูกทุเรียนแปลงใหญ่ 4 รายที่ขายผลผลิตออกมาสู่ตลาดอย่างเป็นล่ำเป็นสัน แต่ปีนี้ผลผลิตทุเรียนทุกสวนออกมาน้อย ทั้ง 4 สวนรวมกันแล้วน่าจะประมาณ 10-15 ตันเท่านั้น
ขณะที่ปีที่ผ่านมามีผลผลิตมากกว่า 30 ตัน ดังนั้นในปีนี้เจ้าของสวนได้หารือกันแล้วว่าจะไม่รับจองเหมือนปีก่อนๆ เพราะเชื่อว่าตัดผลทุเรียนลงมาแล้วน่าจะสามารถขายหมดหน้าสวน
“ถ้าเปิดจองเราก็ลำบากใจ คนจองก็ได้กิน คนไม่จองแต่อยากกินก็ก็ซื้อไม่ได้ ขณะที่คนต่างจังหวัดที่มาท่องเที่ยวเมืองเลยและแวะถึงสวนแล้วเราก็ขายให้ไม่ได้เพราะมีคนจองกันล่วงหน้าหมด เพื่อตัดปัญหาปีนี้อยากให้คนอยากกินเดินทางมาถึงหน้าสวนดีกว่า ปีนี้ถึงผลผลิตออกมาน้อย แต่ผลทุเรียนในสวนลูกโตมาก บางลูกน้ำหนักน่าจะ 10-11 กิโลฯ” นายคำฮู้กล่าว
ด้านนายปราโมทย์ พันจันทร์ (ลุงโส) เกษตรกรปลูกทุเรียนสวนใหญ่ เล่าต่อว่า ปีที่ผ่านมา สวนของตนผลผลิตออกมาราว 20 ตัน แต่ปีนี้ทุเรียนออกผลน้อยคงจะได้ประมาณ 7 ตัน เหตุที่ทำให้ผลผลิตน้อยเพราะเมืองเลยปีนี้หนาวนาน ปกติเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ก็หมดหนาวแล้ว ลูกทุเรียนก็แตกยอดออกดอกดี แต่ปีนี้หนาวยาวถึงเดือนมีนาคมซึ่งเป็นเดือนที่ทุเรียนแตกยอดอ่อน เมื่อลูกทุเรียนเจออากาศหนาวต้นที่แตกยอดอ่อนก็ร่วงเกือบหมด
อย่างไรก็ตาม แต่ยังพอมีผลผลิตออกมาบ้าง ถึงไม่มากเท่ากับปีที่แล้ว ปีนี้จึงไม่รับสั่งจอง ที่จองไว้ข้ามปีก็ขอยกเลิก ปีนี้ราคาขายกิโลกรัมละ 150 บาท ตามภาวะของตลาด จะเริ่มตัดประมาณปลายเดือนสิงหาคมเป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน รับประกันอร่อยทุกลูก ต้องแก่พร้อมกินถึงตัดขาย รับประกันไม่มีทุเรียนอ่อนออกขายอย่างแน่นอน