สุโขทัย - พบสมุนไพรเทวดา “อังกาบหนู” รักษามะเร็งได้ “เจ้าอาวาส-ผอ.ร.ร.” ยันคนสุโขทัยกินแล้วหายป่วย 13 รายแล้ว วอนรัฐวิจัยด่วน
หลังจากที่นายพิภพ ไขแจ้ง อายุ 60 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวัดโบสถ์ หมู่ 5 ต.เมืองบางขลัง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ได้ออกมาเปิดเผยถึงสรรพคุณของ “ต้นผ่าด้าม” ที่ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศได้เป็นอย่างดี ถึงขั้น “ไวอะกร้า” ยังต้องเรียกพี่..หากกินเข้าไป 2 ชั่วโมงจะเห็นแม่บ้านสวยทุกวินาที คนเตะปี๊บไม่ดังมาแรมปีให้กิน 3 ลูกรับรองเห็นผลพลังเยี่ยงม้าศึก จนกลายเป็นข่าวโด่งดังมาแล้วนั้น
ล่าสุดนายพิภพ ไขแจ้ง ได้ออกมาเปิดเผยอีกว่า ยังมีพืชสมุนไพรอีกตัวหนึ่งที่มีสรรพคุณน่าทึ่งยิ่งกว่า เพราะสามารถรักษาโรคมะเร็งระยะสุดท้ายให้หายได้ เพียงแค่เด็ดกิ่งก้าน-ใบมาต้มดื่มเหมือนน้ำชา กินติดต่อกันไม่กี่เดือนก็จะเห็นผลทันที พืชที่ว่านั้นก็คือ “ต้นอังกาบหนู” เป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงประมาณ 1-1.5 เมตร ลำต้นเกลี้ยง มีหนามยาวรอบข้อ ออกดอกสีเหลืองตามซอกใบ และปลูกง่ายมาก
“เมื่อหลายปีที่แล้วผมป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 2 เพราะสูบบุหรี่จัด และยาปัจจุบันก็ไม่มีรักษา เลยลองหันมาพึ่งพาพืชสมุนไพรพื้นบ้าน พระครูพิพัฒน์สุตากร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ แนะนำให้เอายอดใบต้นอังกาบหนูที่มีปลูกอยู่ในวัดไปต้มดื่มกินเช้า กลางวัน เย็น ปรากฏว่าแค่เดือนเดียวอาการหายใจติดขัด เจ็บหน้าอก ปวดหลัง ก็หายทันที พอถึง 3 เดือนไปเอกซเรย์ปอดที่กรุงเทพฯ ก็พบว่าจุดดำเริ่มจางลง และหายไปในที่สุด”
นายพิภพกล่าวอีกว่า นอกจากตัวเองกินหายแล้ว ยังมีเพื่อนชื่อแดง ชาว อ.ศรีสำโรง อีกคนป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย เขาให้กลับมาตายที่บ้าน จึงแนะนำให้ลองกินต้นอังกาบหนู ปรากฏว่าผ่านไปหนึ่งเดือนอาการท้องแข็งโตเหมือนคนใกล้คลอดก็ยุบลงอย่างเห็นได้ชัด พอกินมาได้ 6 เดือนท้องที่เคยโตก็ยุบและหายเป็นปกติ ผ่านมา 3 ปีแล้ว ปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ และขับรถไถนาทำงานได้เหมือนเดิม
“อังกาบหนูจะใช้ต้มดื่มเพื่อขับสารพิษตกค้างในร่างกายก็ได้ หรือจะกินใบอ่อนสดๆ เป็นเครื่องเคียงแกล้มลาบก็ดี มีรสออกขมนิดๆ และผมก็กินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นสิบปีแล้ว ทั้งลูกผ่าด้ามและอังกาบหนู ยืนยันรักษาโรคได้จริง และมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายแน่นอน” ผอ.พิภพกล่าว
พระครูพิพัฒน์สุตากร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ (เมืองโบราณบางขลัง) เปิดเผยว่า เมื่อ 7 ปีที่แล้วพี่ชายป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอ มีแผลเน่า พูดไม่ได้ ญาติทุกคนคิดว่าตายแน่ แต่ก็มีชีวิตรอดมาได้ถึงทุกวันนี้หลังจากให้กินน้ำต้มใบอังกาบหนูทางสายยางผ่านจมูกเช้า-เย็น เพียงแค่ 3 วันแผลที่เป็นหนองก็แห้งตกสะเก็ด พอวันที่ 15 ช่องที่เป็นโพรงก็หายสนิท กระทั่ง 6 เดือนผ่านไปร่างกายของพี่ชายอาตมาก็หายป่วยเป็นปกติ และยังมีชีวิตอยู่ ปัจจุบันอายุ 52 ปีแล้ว
“ครั้งแรกที่รู้จักยาตัวนี้เพราะว่ามีชาวบ้านที่ป่วยเป็นมะเร็งกระดูกระยะที่ 3 ได้ฝันเห็นพญานาคสีทองขดอยู่ในมณฑปโบราณเมืองบางขลัง ตรงกลางลำตัวมีใบไม้เท่าฝ่ามือ และมีฤษีเดินออกมาจากผนังมณฑป บอกว่าให้เอายาตัวนี้ไปกินแล้วจะหายโรค เขาจึงมาถามว่าในมณฑปมียาสมุนไพรอะไรมั้ย อาตมาจึงว่าไม่มี แต่มีตรงทิศใต้ของมณฑป คือต้นอังกาบหนู ลองไปดูว่ามันคล้ายในฝันมั้ย แล้วเขาก็เด็ดใบไปต้มกิน ปรากฏว่ากินไปได้ 2 เดือนก็หายโรค และมีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้ พอหลายคนทราบข่าวก็เลยลองกินตาม นับทั้งหมดได้ 13 คนที่หายป่วยจากโรคมะเร็งเพราะกินน้ำต้มใบอังกาบหนู” พระครูพิพัฒน์สุตากรกล่าว
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่มีระบุว่าใบและรากของต้นอังกาบหนูมีสรรพคุณมากมาย ทั้งช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ลดไข้ แก้หวัด ขับเสมหะ แก้ปวดฟัน รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน แก้หูอักเสบ แก้อาการท้องผูก อาหารไม่ย่อย แก้พิษงู รักษาโรคคัน กลากเกลื้อน แก้ฝี อัมพาต โรคปวดตามข้อ และปวดหลัง ฯลฯ แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่ารักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือไม่ นอกจากผู้ป่วยที่มีประสบการณ์โดยตรงเท่านั้น จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและเร่งทำการวิจัยต่อไป