ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ยืนยันเรียกร้องให้รื้อบ้านพัก45หลังและอาคารชุด9หลัง เช่นเดิม แม้จะย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไปเชียงราย ชี้คนละเรื่องกัน เดินหน้าชุมนุมใหญ่ทวงสัญญาป่าแหว่ง 26 ส.ค.61 เหมือนเดิม
จากกรณีที่คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) มีการประชุมสัญจรที่จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 9-10 ส.ค.61 และวานนี้(11 ส.ค.61) นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้สำนักงานศาลยุติธรรมทำความตกลงขอใช้ที่ดินจากกรมวิชาการเกษตร บริเวณศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 พร้อมที่พักอาศัย และดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป
โดยหากได้รับการจัดสรรงบประมาณและก่อสร้างที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 จนแล้วเสร็จ จะย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 จากที่ริมดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ไปยังพื้นที่ใหม่นี้ ซึ่งเป็นการย้ายหมดทั้งที่ทำการและที่พักอาศัย
วานนี้(11 ส.ค.61) นายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องการจะย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 จากจังหวัดเชียงใหม่ไปจังหวัดเชียงรายนั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทางเครือข่ายเรียกร้องแต่อย่างใด โดยจุดยืนของเครือข่ายชัดเจนมาตลอดว่าต้องการเรียกร้องขอคืนพื้นที่ป่าในส่วนที่รุกล้ำแนวเขตป่าดั้งเดิม ซึ่งครอบคลุมพื้นที่บ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง เพื่อทำการฟื้นฟู ไม่ใช่เรียกร้องให้ย้ายที่ทำการศาล ทั้งนี้แม้จะมีการย้ายที่ทำการศาล อย่างไรก็ตามในส่วนของเครือข่ายและคนเชียงใหม่ ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าจะต้องรื้อบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง เหมือนเดิม เพื่อทำการฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม
ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงเช่นกันว่าอาจจะมีการใช้เรื่องการย้ายดังกล่าวเป็นข้ออ้างให้การขอให้ผู้ที่พักอาศัยในอาคาชุด 9 หลัง จำนวน 30 ครอบครัว พักอาศัยอยู่ต่อไปจนกว่าจะก่อสร้างที่ใหม่ที่จังหวัดเชียงรายแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล เพราะตามข้อมูลที่ทราบผู้ที่พักอาศัยอยู่ทั้ง 30 ครอบครัวนั้น ทำงานอยู่ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ไม่ใช่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ดังนั้นแม้จะย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไปจังหวัดเชียงราย ผู้ที่พักอาศัยอยู่ทั้ง 30 ครอบครัว ก็ไม่ได้ย้ายตามไปด้วย ซึ่งการแก้ไขปัญหานั้น แท้ที่จริงแล้วไม่ได้ยาก เพียงแค่ทำตามข้อตกลงที่สัญญากันไว้ ด้วยการให้ทั้งหมดย้ายไปอยู่ในอาคารชุด 4 หลัง ที่ไม่รุกล้ำแนวเขตป่าดั้งเดิมเท่านั้น แล้วคืนพื้นที่บ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง ให้ทำการฟื้นฟู
ขณะเดียวกันนายธีระศักดิ์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 ส.ค.61 จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ทางเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพที่ร่วมเป็นกรรมการอยู่ด้วย จะยืนยันข้อสรุปยื่นคำขาดเป็นครั้งสุดท้ายเรียกร้องให้คืนพื้นที่และรื้อบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง ที่รุกล้ำแนวป่าดั้งเดิม จากนั้นจะให้เวลา 10 วัน เพื่อให้รัฐบาลมีคำตอบที่ชัดเจนว่าจะรื้อเมื่อใด อย่างไรและภายในเวลาเท่าใด โดยวันที่ 26 ส.ค.61 จะยังคงมีการนัดชุมนุมใหญ่ ที่ประตูท่าแพ เช่นเดิม เพื่อทวงสัญญาป่าแหว่ง ซึ่งเชื่อมั่นว่าในการชุมนุมครั้งนี้จะมีผู้คนเข้าร่วมอย่างเนืองแน่นแน่นอน ทั้งคนเชียงใหม่และจากทั่วประเทศ เพื่อแสดงพลังปกป้องผืนป่าดอยสุเทพ.