อุทัยธานี - เศษไม้ไผ่ก็ทำเงิน..ชาวหนองไผ่แบน เมืองอุทัยฯ รวมกลุ่มนำไม้ไผ่สีสุกเหลือจากทำแคร่-ซุ้มนั่งเล่น ทำแก้วไม้ไผ่ รินชาร้อนใส่ได้หอมเพิ่ม-ใส่เครื่องดื่มเย็นได้ความฟิน ขายเป็นสินค้าโอทอปขึ้นชื่ออีกชิ้น
ปัจจุบันชุมชน ต.หนองไผ่แบน อ.เมืองอุทัยธานี ถือเป็นอีกหนึ่งชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี แถวหน้าของเมืองอุทัยฯ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักพัฒนาการจังหวัดอุทัยธานี ทำให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันนำวัสดุที่มีอยู่จำนวนมากในท้องถิ่นมาแปลงเป็นสินค้าสร้างรายได้ให้ครัวเรือนได้อย่างยั่งยืน
เช่นบ้านล่อมอ้ายหมอง หมู่ 3 ต.หนองไผ่แบน ซึ่งเคยมีการรวมกลุ่มกันนำไม้ไผ่สีสุก ที่มีอยู่มากมายในพื้นที่จนกลายเป็นที่มาของการตั้งชื่อตำบล มาทำซุ้มนั่งเล่น และแคร่ไม้ ให้เป็นอัตลักษณ์ประจำท้องถิ่น ต่อมาเห็นว่าไม้ไผ่ที่เหลือ น่าจะทำให้มีประโยชน์สร้างมูลค่าเพิ่มได้อีก จึงพากันนำมาทำเป็นแก้วไม้ไผ่ขึ้น จนกลายเป็นสินค้า OTOP อีกชิ้นหนึ่งของตำบลแห่งนี้
โดยนำไม้ไผ่สีสุกที่เหลือจากการทำซุ้ม และแคร่นั่งเล่น มาตัดให้ได้ความยาวประมาณ 4-6 นิ้ว หรือตามความต้องการ และใช้ข้อไผ่เป็นก้นแก้ว นำมาเจียรขัดด้วยกระดาษทรายแต่งผิวให้เรียบ ไม่ให้มีเสี้ยนหนาม พร้อมใส่หูหิ้วเข้าไป ก็จะได้แก้วไม้ไผ่ ที่ใส่ได้ทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น ซึ่งถ้าใส่เครื่องดื่มร้อน แก้วไม้ไผ่จะส่งกลิ่นหอมเฉพาะตัวจากกลิ่นเยื่อไผ่ หากนำไปใส่เครื่องดื่มเย็น ก็จะเพิ่มกลิ่นหอมให้อีกแบบหนึ่ง เป็นการช่วยเพิ่มอรรถรสในการดื่มได้
สำหรับแก้วไม้ไผ่สีสุก ที่ชาวบ้านผลิต-ตั้งชื่อว่า “น้องต้นไผ่”นั้น จะมีราคาขายอยู่ที่ใบละ 30 บาท โดยปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนที่ชื่นชอบของแปลก และนำไปเป็นฝาก-ของที่ระลึก ทำให้แก้วไม้ไผ่สีสุก กลายเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนขึ้นชื่อของหมู่บ้าน ช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเพิ่มมากขึ้นด้วย
นายจักรินทร์ เถระปัญญา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 / 5 หมู่ 3 ต.หนองไผ่แบน อ.เมืองอุทัยธานี หนึ่งในสมาชิกที่เป็นผู้ริเริ่มทำแก้วไม้ไผ่ เล่าว่า ชุมชนหนองไผ่แบน เปิดเป็นชุมชนเพื่อการท่องเที่ยว แล้วก็มีของฝากของที่ระลึกของชุมชน ใครที่มาเที่ยวสวนเพื่อการเกษตรในชุมชนแล้ว ก็สามารถซื้อติดไม้ติดมือเป็นของฝาก เพื่อให้นึกถึงชุมชนของเรา อีกทั้งที่ยังมาฝึกทำได้ด้วยเช่นกัน
“แก้วไม้ไผ่นี้สามารถใส่เครื่องดื่มร้อนได้ เช่น เอาไปใส่ชาร้อน ก็จะทำให้เครื่องดื่มหอมมากๆ หากนำไปใส่เครื่องดื่มเย็นก็จะสร้างบรรยากาศความเป็นไทย และความเป็นชุมชนท่องเที่ยวมากขึ้น” นายจักรินทร์ กล่าว
