แม่ชีคมคาย พร้อมทนายขึ้นโรงพัก แจ้งความดำเนินคดี พระทองพูน วัดเขาสุกิม เมืองจันท์

นครปฐม - แม่ชีคมคาย พร้อมทนายขึ้นโรงพัก แจ้งข้อหาพระทองพูน หลังตั้งโต๊ะแถลงข่าว โต้ไม่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ย้ำอีกครั้งสัมพันธ์ยาว 4 ปี เหตุที่ต้องออกมา สุดช้ำถูกเจ้าอาวาส คนเคยสนิทออกประกาศไม่ให้เข้าวัดเขาสุกิมโดยไม่มีเหตุผล

วันนี้ (6 ส.ค.) ที่ สภ.พุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม แม่ชีคมคาย คุ้นพันธ์ ได้เดินทางมาพร้อมด้วย นายปรเมษฐ เนติธรรมรักษ์ ประธานชมรมเนติธรรมรักษ์ เพื่อเข้าแจ้งความในฐานหมิ่นประมาทต่อ พระทองพูน ทยาสุโก เจ้าอาวาสวัดเขาสิกุม อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เนื่องจากทั้งคู่ได้มีกรณีพิพาทกันกระทั่งแม่ชีคมคายได้ออกมาให้ข้อมูลว่า พระทองพูน ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับตนเอง แต่ต่อมา ทางด้านพระทองพูนได้มีการออกมาแถลงข่าวตอบโต้ว่าไม่เคยมีสัมพันธ์ตามที่ปรากฏเป็นข่าว

โดย นายปรเมษฐ เนติธรรมรักษ์ ประธานชมรมเนติธรรมรักษ์ ในฐานะทนายความ กล่าวว่า การมาพร้อมแม่ชีคมคาย เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ เนื่องจากมีประเด็นเพิ่มเติม คือ หนึ่งในเรื่องของความสัมพันธ์ชายหญิง ระหว่างแม่ชีคมคาย และพระทองพูน เจ้าอาวาสวัดเขาสุกิม ประเด็นที่สองคือ ในประเด็นพระประสิทธิ อตุลธัมโม อดีตรักษาการเจ้าอาวาสวัดเขาสิกุม ถูกกล่าวหามีส่วนทุจริตในเงินกฐิน และประเด็นที่วัดเขาสุกิม แถลงข่าวตอบโต้ว่าไม่มีเรื่องสัมพันธ์ชู้สาว ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อ แม่ชีคมคาย ซึ่งได้มีการยื่นหนังสือให้แก่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไปแล้วเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา

นายปรเมษฐ กล่าวว่า การที่แม่ชีคมคายมาแจ้งความในวันนี้ เพื่อจะรักษาสิทธิ ในเรื่องของการที่ พระทองพูน ได้มีการออกมาแถลงข่าวว่าไม่มีความสัมพันธ์ กับแม่ชีคมคาย ซึ่งทางแม่ชี นั้นยืนยันว่า มีความสัมพันธ์กันจริง โดยจะทำให้คนมองว่าออกมาให้ข้อมูลไม่จริง และในเรื่องของประเด็นสำคัญ คือ การที่พระทองพูน ได้มีการออกหนังสือห้ามรับแม่ชีเข้าพักในวัด ในฐานะเจ้าอาวาสวัดเขาสุกิม

โดยมีการติดประกาศไปทั่วบริเวณวัด ซึ่งแม่ชีคมคายได้แสดงความหนักใจว่า เกิดความเสียหายเนื่องจากเป็นคนที่ทั้งวัดเขาสุกิมรู้จัก และเป็นอาจารย์บรรยายธรรม ลูกศิษย์ลูกหาต่างเข้าใจผิด และสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งการที่ได้ส่งเรื่องไปที่สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพราะได้รับข้อมูลมา พบว่า แม่ชีคมคาย ได้มีการร้องทุกข์มาตั้งแต่ปี 48 จนถึงปี 61 แต่ไม่เคยมีการเข้ามาดำเนินการแต่อย่างใดจากคณะสงฆ์ สายธรรมยุติ จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงอยากให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้มีการอธิการอย่างจริงจัง และเรื่องที่ตนรับทราบก็ถือว่ามีมูลเพราะมีข้อมูลเชื่อมโยงในหลายๆ ประเด็น

นายปรเมษฐ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ต้องขอฝากบอกสื่อให้ช่วยติดตามเรื่องนี้ คือ พระครูธรรมธร หรือพระปู พระวายาธิการ วัดเขาสุกิม ซึ่งเป็นพระที่ถูกพระทองพูน ทำการออกหนังสือคำสั่งห้ามเข้าวัดเช่นกัน ได้นำหลักฐานไปร้องต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 61 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ขาดการติดต่อกันตั้งแต่ช่วงค่ำของวันเดียวกัน จนถึงวันนี้ก็ไม่สามารถติดต่อได้

หากทางญาติ หรือใครที่รู้จักสามารถติดต่อได้ขอให้ส่งข่าวให้ติดต่อกลับมาที่ตนเอง เพราะหวั่นจะเกิดอันตราย เนื่องจากยังเป็นผู้ที่มีประเด็นกับวัดเขาสุกิม โดยตั้งแต่ถูกหนังสือห้ามเข้าวัดก็มีความเดือดร้อนหนัก และยังไม่ได้กลับเข้าวัดเขาสุกิมอีกเลย

ด้าน แม่ชีคมคาย คุ้มพันธ์ บอกว่า วันนี้ที่ได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความเอาความผิด เพราะหนังสือจากวัดเขาสุกิม เลขที่ 20/2559 ลงวันที่ 5 ตุลาคม 2559 เรื่องห้ามรับแม่ชีเข้ามาอาศัยในวัด โดยระบุชื่อตนเอง โดยได้นำไปติดประกาศไว้ทั่ววัด ซึ่งทำให้ตนเองเสียชื่ออย่างหนัก โดยที่ตนเองไม่รู้เรื่องอะไร ซึ่งจากวันนั้นก็ไม่ได้กลับเข้าไปอีกเลย และการที่ตนเองมีความสัมพันธ์กับพระทองพูนนั้นก็เป็นเรื่องจริง โดยมีความสัมพันธ์ชายหญิงกันตั้งแต่ปี 2554-2548 เป็นระยะเวลา 5 ปี และมีการโอนเงิน 1 พันบาท จริงสำหรับให้ไปพักในวัด หรือสำนักฆ์แห่งหนึ่ง

แม่ชีคมคาย บอกต่อว่า เรื่องเกิดจากที่เจ้าอาวาสองค์เดิมได้มรณภาพลง ทางวัดได้มีการแต่งตั้งพระประสิทธิ ขึ้นเป็นรักษาการเจ้าอาวาส แต่ไม่นานกลับมีข่าวเรื่องพระประสิทธิ มีข้อสงสัยในเรื่องเงินกฐิน จำนวน 11 ล้านบาท โดยได้นำเงินเข้าบัญชีวัด 8.5 ล้านเศษ และเหลืออีก 2.5 ล้าน ซึ่งคนที่ทราบเรื่องก็รู้ว่าได้มีการกันเงินไว้ทำวัตถุมงคล เพื่อหารายได้เข้าวัดอีก นำมาซึ่งการเปลี่ยนตัวเจ้าอาวาสนำพระทองพูนมาที่วัด และตั้งเป็นรักษาการเจ้าอาวาสแทน และแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดอย่างรวดเร็ว

“นอกจากเรื่องที่มีความสัมพันธ์กัน แม่ชีก็โดนทำร้ายร่างกายมาก่อนครั้งหนึ่งที่ได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง หลังจากตนเองได้คุยกับพระอาจารย์ที่เคารพ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ นนทบุรี และท่านได้กลับออกจากสถานปฏิบัติธรรม จากนั้นได้มีญาติ และพระในวัดเขาสุกิมที่ได้เข้าไปร่วมในงานปฏิบัติธรรมครั้งนั้นด้วยได้เข้ามาทำร้ายร่างกาย รวม 4 คน จึงได้ไปแจ้งความเอาผิด โดยศาลตัดสินให้ทั้ง 4 คน มีความผิด เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 48

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่พระทองพูนไม่พอใจได้นำแม่ชี ไปทิ้งไว้กลางป่า ในพื้นที่แถววิเชียรบุรี ซึ่งได้แจ้งความไปแล้ว ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ก็มีหญิงโทร.มาหาตนเองเพื่อสอบถามข้อมูล จากนั้นก็มีกลุ่มคนชายหญิงตามมาหาที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ แม่ชีก็ได้แจ้งความไปแล้วที่ สน.พญาไท” แม่ชีคมคายกล่าว

แม่ชีคมคาย กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่ปี 48 ที่ผ่านมา ตนเองได้ร้องเรียนเรื่องราวมาโดยตลอด แต่ไม่มีหน่วยงานไหนเลยที่จะมีการเรียกตนเองไปสอบถาม หรือให้นำเอกสารใดไปให้ข้อมูล และไม่มีการตัดสินจากคณะสงฆ์ ซึ่งมองว่าไม่ให้ความเป็นธรรมต่อตนเอง มีเพียงเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีตำรวกองปราบ ยศร้อยตำรวจโท ได้ติดต่อตนเองไปสอบที่กองปราบปรามเพียงครั้งเดียว ซึ่งอยากจะขอความเป็นธรรม และขอเอาเรื่องพระทองพูนให้ถึงที่สุด ทุกวันนี้ก็ยังถูกติดตามก่อกวนและข่มขู่หลายรูปแบบจนเกิดความเครียด ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นห่วง พระครูธรรมธร หรือพระปู เรื่องความปลอดภัยด้วยเช่นกัน