ประจวบคีรีขันธ์ - รองผู้ว่าฯ ประจวบฯ เร่งตรวจสอบความมั่นคงของตัวเขื่อนปราณบุรี ขณะนี้มีปริมาณน้ำเข้าไหลเข้าเขื่อนเกินการบริหารจัดการ ทำให้ต้องเร่งพร่องน้ำลงแม่น้ำปราณ วันละ 8.438 ล้าน ลบ.ม. เพื่อรองรับน้ำฝนที่กำลังไหลเข้ามาเพิ่ม
วันนี้ (31 ก.ค.) ณ ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรีและเขื่อนปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นายกิตติกรณ์ เทพอยู่อำนวย หัวหน้า สนง.ปภ.ปข. นายอุทัย ขันทอง หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์ นายปัญญา ฉิมพาลี ปลัดอำเภอปราณบุรี ร่วมประชุมและการตรวจติดตามระดับน้ำในเขื่อนปราณบุรี ภายหลังมีการพร่องน้ำต่อเนื่อง
โดยมี นายไพโรจน์ คำทอน ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรี นายอุรัค สุบรรณเสนีย์ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน เขื่อนปราณบุรี ได้รายงานสถานการณ์น้ำ เพื่อตรวจสอบความมั่นคงของตัวเขื่อนเก็บน้ำ และการพร่องน้ำในช่วงฤดูฝน และการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งการอุปโภคบริโภค การเกษตร และการรักษาระบบนิเวศ
นายไพโรจน์ คำทอน ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรี กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนปราณบุรี ขณะนี้พบว่ามีปริมาณน้ำในอ่าง 320.080 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 81.862 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง ซึ่งเขื่อนปราณบุรีสามารถรองรับน้ำได้อยู่ที่ 391 ล้าน ลบ.ม. ของความจุอ่าง ซึ่ง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จังหวัดประจวบฯ ได้รับอิทธิพลจากพายุเซินติญ ทำให้มีฝนตกหนักในพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาตะนาวศรี ทางด้านทิศตะวันตกของลุ่มน้ำเพชรบุรี ลุ่มน้ำปราณบุรี ทำให้มีน้ำไหลลงในอ่างเป็นจำนวนมากทั้งเดือน
โดยมีน้ำไหลเข้าอ่าง 142 ล้าน ลบ.ม. ทำให้มีปริมาณน้ำเกินเกณฑ์การบริหารที่ควบคุมของอ่างเก็บน้ำปราณบุรีที่กำหนดไว้ จึงได้มีการพร่องน้ำออกทางประตูระบายน้ำ หรือสปีลเวย์ ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2561 โดยยกบานประตูทั้ง 2 บาน ตั้งแต่ 5 เซนติเมตร จนปัจจุบัน ยกสูงอยู่สูง 70 เซนติเมตร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 70 ลบ.ม. ต่อวินาที ลงสู่แม่น้ำปราณบุรี รวมถึงพร่องน้ำลงสู่คลองสายใหญ่ วันละ 2.540 ล้าน ลบ.ม.ต่อวินาที รวมพร่องน้ำออกจากเขื่อนปราณบุรี วันละ 8.438 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
ซึ่งขณะนี้ไม่มีประชาชนในพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบแต่อย่างใด แต่ด้วยเขื่อนปราณบุรี มีแผนระบายน้ำลงแม่น้ำปราณบุรีเพิ่มขึ้น จนถึง 100 ลบ.ม.ต่อวินาที ทั้งนี้ จะค่อยๆ เพิ่มอัตราการระบายโดยการติดตามผลกระทบท้ายน้ำ และแจ้งจังหวัด และอำเภอให้ช่วยกระจายข่าวก่อนเพิ่มอัตราการระบายก็ยังคงจำเป็นต้องพร่องน้ำที่เกินอยู่ในอ่างให้เหลือ 70 เปอร์เซ็นต์คามความจุอ่าง เพื่อการบริหารจัดการ และรองรับน้ำที่จะไหลเข้ามาใหม่
นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ถึงแม้เขื่อนปราณบุรี จะสร้างเสร็จ และใช้งานมานานแล้วก็ตามถึง 36 ปี แต่สำหรับความปลอดภัย รวมทั้งความมั่นคงแข็งแรงของตัวตัวเขื่อนปราณบุรี มีการจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทุกวัน ซึ่งสภาพของเขื่อนปราณบุรีมีความแข็งแรง นอกจากนั้นในส่วนอ่างเก็บน้ำทุกแห่งของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังมีสภาพแข็งแรงมั่นคง ยังไม่พบว่าอ่างไหนเกิดวิกฤตเรื่องน้ำ
ส่วนพื้นที่อำบางสะพาน ซึ่งมีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก จากการตรวจสอบอ่างเก็บน้ำบ้านวังน้ำเขียว อ่างเก็บน้ำโป่งสามสิบ อ่างเก็บน้ำบ้านคลองลอย ก็ยังอยู่ในภาวะปกติ ยังไม่หน้าเป็นห่วง แต่ทุกฝ่ายก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ให้ผู้นำท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่รายงานความคืบหน้าของอ่างน้ำแต่และแห่งให้ภาครัฐทราบทุกวัน และยังคอยติดตามข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้มีแนวทางปฏิบัติต่อไป
