ศูนย์ข่าวศรีราชา - แขวงทางหลวงชลบุรีร่วมทหาร กอ.รมน. และทหาร คสช.ศรีราชา ทยอยรื้อบ้านผู้บุกรุกบริเวณแยกอ่าวอุดม จำนวนกว่า 50 หลังคาเรือน บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ เพื่อพัฒนาที่ดินเป็นพื้นที่สาธารณะ
วันนี้ (18 ก.ค.) นายจักรภพ วัชรมณเฑียร ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชลบุรี ที่ 2 พร้อมด้วย พ.อ.ทวีศักดิ์ ศรีสละ รองผู้อำนวยการ กอ.รมน.จังหวัด ชบ. ร.ท.สมยศ สุนทรชัย หัวหน้า คสช.อำเภอศรีราชา นายกฤษนัฎฐ์ กุลสิงห์ ปลัดอำเภอศรีราชา พ.ต.ต.ธนพล ติ้นหนู สวป.สภ.แหลมฉบัง เจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอศรีราชา และเจ้าหน้าที่เทศบาลนครแหลมฉบัง
ได้นำรถแบ็กโฮ และอุปกรณ์เข้าทำการรื้อถอน ทำลาย ขนย้ายสิ่งปลูกสร้างที่ยังฝ่าฝืนพระราชบัญญัติทางหลวงออกจากแนวเขตทางหลวง จำนวน 4 หลัง ที่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่สี่แยกไฟแดงอ่าวอุดม ตำบลทุ่งศุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณกว่า 10 ไร่ มีบ้านเรือนประชาชนที่บุกรุก จำนวนกว่า 50 หลัง เพื่อเตรียมพัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณะ และสร้างทางเลี้ยวให้แก่ประชาชนที่ใช้เส้นทางมีความปลอดภัย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
โดยวันนี้ได้ทำการรื้อบ้านเรือนที่ยังฝ่าฝืนก่อน จำนวน 4 หลังคาเรือน หลังจากเจ้าหน้าที่แขวงการทางชลบุรี ที่ 2 นำหมายมาปิดประกาศแจ้งให้เจ้าของอาคารสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำพื้นที่ทางหลวงได้ทราบแล้ว ก่อนที่จะมีการรื้อถอนเป็นเวลา 15 วัน นับตั้งแต่วันปิดประกาศ ซึ่งที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ของเขตทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (สุขุมวิท) กรมทางหลวงได้สิทธิมาโดยการเวนคืน ตาม พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดิน ในปี พ.ศ.2520 โดยมีการจ่ายเงินให้แก่เจ้าของ ผู้ครอบครองครบถ้วนตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดแล้ว แต่พบว่ายังมีประชาชนบางส่วนยังนิ่งเฉยไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าว จึงต้องทำการรื้อถอน ทำลาย และขนย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ดังกล่าวตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
นายจักรภพ วัชรมณเฑียร เปิดเผยว่า ในวันนี้แขวงทางหลวงชลบุรีที่ 2 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาที่บริเวณสี่แยกอ่าวอุดม เพื่อจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ตกค้างอยู่ ซึ่งจัดไว้หลายสิบปีแล้วแต่ยังดำเนินการไม่เรียบร้อย ก็จะค่อยๆ เข้ามาจัดกรรมสิทธิ์ให้ครบถ้วน ซึ่งรายไหนได้รับเงินไปแล้วก็จะจัดการคืนพื้นที่ให้กลับมาเป็นที่สาธารณะต่อไป ซึ่งในบริเวณนี้เป็นพื้นที่ถนนสุขุมวิทที่ค่อนข้างใหญ่ มีสะพานข้ามแยก แต่มีทางลงชุมชนที่เล็ก
เมื่อทำการยึดคืนพื้นที่ได้ทั้งหมดแล้วก็จะขยายทางเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ส่วนพื้นที่ที่เหลือก็จะเจรจากับเทศบาลนครแหลมฉบัง สร้างเป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นต่อไป