ศรีสะเกษ - “ยายทองคำ” น้ำตาอาบแก้มลั่น นำชาวศรีสะเกษ 8 หมู่บ้านกว่า 20,000 คน เดินเท้าบุกอุบลฯ พบ “บิ๊กตู่” วอนขอคืนที่ดินทำกิน “โนนป่ายาง” อยู่อาศัยทำกินมานานหลายชั่วอายุคนร่วม 100 ปี แต่ถูกทางการขีดเส้น เป็นที่สาธารณะ 4,125 ไร่ และกล่าวหาชาวบ้านบุกรุก จ่อดำเนินคดี
วันนี้ ( 15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาวัดบ้านโนนแย้ ต.หญ้าปล้อง อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้มี ชาวบ้าน ตัวแทนจาก 8 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านโนนแย้ บ้านโนนหล่อ บ้านโนนแดง บ้านเพียนาม ม.9 บ้านเพียนาม ม.3 บ้านโนนสำนัก ชุมชนโนนสำราญ ชุมชนกุดหวาย ในเขต 2 ตำบล คือ ต.หญ้าปล้อง กับ ต.หนองไผ่ อ.เมืองศรีสะเกษ จำนวนประมาณ 500 คน นำโดย ยายทองคำ ไชยชาญ อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 11 ชุมชนโนนสำราญ ต.หญ้าปล้อง อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ และคณะ ได้มาชุมนุมกัน
ทั้งนี้เพื่อชี้แจงให้ชาวบ้านทุกคนได้ทราบข้อเท็จจริงและความคืบหน้าในการเรียกร้องที่ดินทำกินว่า โนนป่ายาง ซึ่งชาวบ้านอาศัยเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นที่ทำกินมานานหลายชั่วอายุคน ได้ถูกทางราชการขีดเส้นเอาพื้นที่โนนป่ายาง จำนวน 4,125 ไร่ ไปเป็นที่สาธารณะประโยชน์โนนป่ายาง และเตรียมดำเนินคดีกับชาวบ้าน 8 หมู่บ้านหาว่า บุกรุกที่สาธารณะประโยชน์
บรรดาแกนนำหมู่บ้านทั้ง 8 หมู่บ้านพากันมาชี้แจงให้ชาวบ้านทราบถึงข้อมูลที่แท้จริงที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งนำเอาหลักฐานต่าง ๆ มาแสดงให้ชาวบ้านได้ทราบด้วย และมีการติดตั้งป้ายร้องขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ขณะที่บรรดาหญิงชราต่างได้พากันนั่งตะบันหมากเคี้ยวเพื่อร่วมต่อสู้เรียกร้องในครั้งนี้ด้วย
ยายทองคำ ไชยชาญ อายุ 75 ปี กล่าวว่า การที่พวกตนมาร่วมชุมนุมกันในครั้งนี้ เนื่องจากชาวบ้านทั้ง 8 หมู่บ้านในเขตโนนป่ายาง ซึ่งมีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 คน ได้ถูกทางราชการกำหนดให้อยู่ในเขตสาธารณะประโยชน์โนนป่ายาง ทั้งที่ชาวบ้านอยู่อาศัยและทำกินมานานกว่า 70 ปีแล้ว และต่อมาปี พ.ศ.2468 ทางราชการได้ประกาศให้บริเวณที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ที่เป็นที่ดินทำกินให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ โดยระบุว่ามีเนื้อที่ 4,125 ไร่ แต่เมื่อชาวบ้านได้รวมกลุ่มกันเรียกร้องขอเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ปรากฏว่า ทางราชการได้มีการออกมาตรวจสอบที่ดินแล้วพบว่า โนนป่ายางมีที่ดินเหลือเพียง 1,531 ไร่ เท่านั้น ที่ดินหายไปไหน จำนวน 2,594 ไร่ อีกทั้งพื้นที่ 8 หมู่บ้านได้กลายเป็นที่สาธารณประโยชน์โนนป่ายาง ทางราชการจะไล่ชาวบ้านที่อยู่อาศัยมานานหลายชั่วอายุคนไปอยู่ที่ไหน
พวกตนจึงมาชุมนุมกันเพื่อเรียกร้องขอให้ทางราชการทำการตรวจสอบพื้นที่โนนป่ายาง จำนวน 4,125 ไร่ ว่า ขอบเขตที่แท้จริงอยู่ตรงจุดไหนอย่างไร หากทางราชการมีการตรวจสอบพื้นที่โนนป่ายางแล้วพบว่า มีความคลาดเคลื่อนไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงตามหลักฐานของทางราชการ ควรที่จะยกเลิกมติและยกเลิกกฎหมายที่ทำร้ายรังแกชาวบ้าน
พร้อมทั้งควรที่จะหาแนวทางในการออกเอกสารสิทธิ์ให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเขต 8 หมู่บ้าน 2 ตำบลต่อไป ซึ่งพวกตนขอคัดค้านการที่ทางราชการจะมีการตรวจพิสูจน์สิทธิ์ของชาวบ้านโนนป่ายาง เนื่องจากว่าขณะนี้ยังไม่ทราบขอบเขตพื้นที่ 4,125 ไร่ว่า มีขอบเขตเพียงใด
ยายทองคำ กล่าวด้วยน้ำตาอาบแก้มอีกว่า พวกตนได้เรียกร้องขอที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยมานานหลายสิบปีแล้ว แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวบ้านแต่อย่างใด การที่ชาวบ้านชุมนุมกันในวันนี้ ก็ได้มีการทำหนังสือเชิญหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจากหลายภาคส่วนมาร่วมรับทราบเพื่อที่จะได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริงของเรื่องนี้ แต่ไม่ได้รับความสนใจจากหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ใหญ่ของ จ.ศรีสะเกษ มาร่วมรับทราบความทุกข์ยากของชาวบ้านกว่า 20,000 คนแต่อย่างใด เหมือนกับว่าไม่สนใจที่จะแก้ปัญหาของประชาชนที่ยากไร้ตามนโยบายรัฐบาล
ขณะนี้ตนป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะที่ 4 ผ่าตัดมาแล้ว 2 ครั้ง ไม่รู้ว่าจะต้องตายเมื่อไร แต่ได้นำพี่น้องมาเรียกร้องเพื่อหวังที่จะให้ประชาชนชาวบ้าน 8 หมู่บ้านกว่า 20,000 คน มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินทำกินที่อาศัยอยู่มานานหลายชั่วอายุคนแล้ว
ตนกราบเท้าขอความเมตตาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขวัญใจประชาชนผู้ยากไร้ทั่วประเทศ ได้กรุณาสั่งการให้มีการแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านในเขตโนนป่ายางโดยด่วนด้วย เพราะได้มีการต่อสู้ในเรื่องนี้ จนล้มหายตายจากไปแล้วหลายคนแล้ว ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขช่วยเหลือจากทางราชการแต่อย่างใด
ยายทองคำ กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการเรียกร้องในเรื่องนี้ให้ นายธวัช สุระบาล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้รับทราบและแก้ไขปัญหาโดยด่วน ในวันที่ 17 ก.ค. นี้ พวกตนจะร่วมกับชาวบ้านกว่า 20,000 คน เดินเท้าจากโนนป่ายางไปยังศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้ และในวันที่ 23 ก.ค. จะพากันเดินเท้าไปขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จ.อุบลราชธานี เพื่อขอให้มีการช่วยเหลือในเรื่องนี้โดยด่วนต่อไปด้วย