ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รมว.พาณิชย์ ประชุมหารือร่วมกับส่วนราชการ ผู้ซื้อ ผู้ส่งออก และตลาดกลาง ย้ำมาตรการและวางแผนรองรับผลผลิตลำไยภาคเหนือ ปี 2561 มั่นใจไร้ปัญหา
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับส่วนราชการ ผู้ซื้อ ผู้ส่งออก และตลาดกลาง เพื่อกำหนดมาตรการและวางแผนรองรับผลผลิตลำไยภาคเหนือ ปี 2561 พร้อมทั้งร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการซื้อขายผลผลิตลำไยระหว่างเกษตรกรกับผู้ผลิตลำไยแปรรูปและผู้ส่งออก ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องและตัวแทนเข้าร่วมจำนวนมาก เมื่อ 13 ก.ค. 61 ที่โรงแรมคุ้มภูคำ จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า การบริหารจัดการผลผลิตลำไยในปีนี้มีการเตรียมพร้อมมาตรการรองรับไว้อยู่แล้วตั้งแต่การรวบรวมผลผลิตและการกระจายผลผลิตไปยังตลาด ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ ซึ่งทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและกระทรวงต่างประเทศ มีส่วนร่วมด้วยในการเปิดตลาดใหม่ เช่น อินเดีย รัสเซีย และหลายประเทศในยุโรป โดยมุ่งเน้นประเทศที่มีชาวเอเชียที่บริโภคลำไยอยู่ด้วย
สำหรับตลาดในประเทศนั้น เน้นการเชื่อมโยงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งการกระจายผลผลิตผ่านทางห้างโมเดิร์นเทรดต่างๆ พร้อมทั้งการรณรงค์การบริโภคลำไย ตลอดจนการเปิดช่องทางใหม่ในการกระตุ้นการบริโภคด้วยการร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทย ในการรับสั่งซื้อลำไยสดและบริการส่งถึงบ้าน และส่งเสริมการสั่งซื้อผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการบริโภคได้ง่ายและซื้อตรงจากเกษตรกร
นายสนธิรัตน์บอกด้วยว่า มาตรการสนับสนุนมีทั้งในส่วนของลำไยสด และลำไยแปรรูป โดยในส่วนของผู้ประกอบการที่รับซื้อผลผลิตนั้น ทางภาครัฐมีการประสานให้ความช่วยเหลือด้านการสนับสนุนสินเชื่อให้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการรับซื้อผลผลิตและแปรรูป เพียงแต่เน้นย้ำให้มีการรับซื้อในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับเกษตรกรด้วย โดยในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากๆ อาจจะมีการนำผู้ประกอบการจากนอกพื้นที่มาเปิดรับซื้อด้วย ขณะที่จากการประเมินก่อนหน้านี้ว่าผลผลิตปีนี้จะเพิ่มขึ้น 5%แต่จากการติดตามสถานการณ์จริงล่าสุดพบว่า ผลผลิตปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว จึงไม่น่าเป็นห่วง
ส่วนกรณีการสั่งซื้อลำไยจากตลาดอินโดนีเซียในปีนี้ที่หายไปประมาณ 2.8 หมื่นตันนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า ไม่มีปัญหา เพราะเวลานี้สามารถหาตลาดชดเชยในส่วนนั้นได้ครบถ้วนแล้ว ขณะที่ตลาดประเทศติมอร์ มีการสั่งซื้อแล้วเบื้องต้นอย่างน้อย 10,000 ตัน ซึ่งมั่นใจว่าด้วยมาตรการต่างๆ จะสามารถบริหารจัดการผลผลิตลำไยในปีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
