เชียงราย - เปิดปฏิบัติการสูงสุดคืนสามัญ พาหมูป่า 13 ชีวิตพ้นถ้ำหลวง หลังผู้เชี่ยวชาญนานาชาติเสนออุปกรณ์เทคโนโยลีช่วยเหลือสารพัด แต่เจอถ้ำแคบ คดเคี้ยว หินแหลม จนต้องใช้วิธีน็อก-สวมชุดดำน้ำติดหน้ากาก แล้วใช้เชือกรัดดึง
วันนี้ (10 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงปฏิบัติการพาหมูป่าทั้ง 13 ชีวิตออกจากเนินนมสาว ถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตลอด 3 วัน คือ 8-9-10 ก.ค. ที่ประสบผลสำเร็จด้วยดี ทีมนักประดาน้ำทั้งไทย-ต่างประเทศ รวมถึงหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือหน่วยซีล ตลอดจนเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยหลายพันชีวิต ภายใต้การบัญชาการของ ศอร. สามารถช่วยเหลือทั้งหมดออกมาได้อย่างปลอดภัย จนกลายเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจทั่วโลกนั้น
ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผบ.ศอร. ระบุว่า ปฏิบัติการพาหมูป่าทั้งหมดออกมานั้น แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญนานาประเทศจะเสนออุปกรณ์ช่วยเหลือหลากหลายรูปแบบก็ตาม แต่เนื่องด้วยสภาพทางกายภาพภายในถ้ำที่ต้องดำน้ำผ่านช่องทางที่ทั้งแคบ คดเคี้ยว และเต็มไปด้วยหินงอก หินย้อยที่แหลมคม ทำให้ไม่สามารถนำมาใช้ในการช่วยเหลือนำพาทั้ง 13 ชีวิตออกมาได้
ทั้งนี้ มีรายงานว่าในการปฏิบัติการครั้งนี้ ทีมนักประดาน้ำทั้งไทย-ต่างประเทศ รวมทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้การบัญชาการของ ศอร.ได้ใช้วิธีการให้สวมชุดดำน้ำเว็ตสูทอย่างหนา หรืออาจจะมีไดร์สูทที่สามารถป้องกันความเย็นของน้ำ แบบครอบใบหน้า-Full Face ต่อถังอากาศให้สมาชิกทีมหมูป่าแต่ละคนที่จะนำตัวออกจากถ้ำ
จากนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการน็อก ป้องกันการแตกตื่น ก่อนใช้เชือกมัดสมาชิกทีมหมูป่าที่จะนำออกจากถ้ำ ให้นักประดาน้ำที่ใช้อากาศไนตร็อกซ์ที่ช่วยให้ดำน้ำได้ยาวนานขึ้น ชักลากออกมา โดยใช้นักประดาน้ำทำหน้าที่ทั้งชักลาก-การ์ดหน้าและหลัง รวม 2-3 คนต่อหมูป่า 1 คน
เมื่อพ้นระยะการดำน้ำภายในถ้ำหลวงแล้ว ก็จะนำตัวขึ้นเปลหามออกสู่ปากถ้ำต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อทีมกู้ภัยนำสมาชิกหมูป่ามาถึงปากถ้ำแล้วก็จะฟื้นตัวได้ทั้งหมด มีเพียงหมูป่าที่ถูกนำตัวออกมาเป็นรายที่ 3 ในวันแรกของปฏิบัติการ (8 ก.ค.) เท่านั้น ที่ต้องนอนเปลจนถึง รพ.สนาม แต่ก็รู้สึกตัวในเวลาต่อมา