เชียงราย - สภาพอากาศเปิดแดดจ้า เห็นเทือกเขาดอยนางนอนชัด ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงโหมสูบน้ำจากถ้ำหลวงไม่หยุด แต่กำหนดนำนักเตะ-โค้ชทีมหมูป่าออกจากถ้ำยังไม่ชัด
วันนี้ (5 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภารกิจช่วยเหลือนำเยาวชนชายทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีและโค้ชทั้ง 13 คนออกจากถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง บริเวณปากทางเข้าถ้ำทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารยังคงเฝ้าไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปอย่างเข้มงวด โดยมีการนำแผงกั้นวางเอาไว้ตลอด
ด้านศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานฯ ที่ยังคงมีนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการฯ ได้จัดประชุมในเวลา 09.00 น. และเวลา 16.00 น.เช่นเดิม แต่ได้งดการจัดแถลงข่าววันละ 2 ครั้ง เป็นวันละ 1 ครั้ง และไม่มีการแจ้งกำหนดเวลาที่ชัดเจน
ขณะที่ระดับน้ำภายในถ้ำเมื่อ 05.00 น.พบว่าระดับน้ำหน้าถ้ำลึก 28 ซม. และลึกเข้าไปประมาณ 300 เมตร ลึก 42 ซม., เวลา 06.00 น.ระดับน้ำหน้าถ้ำลึก 28 ซม. และลึกเข้าไปประมาณ 300 เมตร ลึก 42 ซม. และเวลา 07.00 น. ระดับน้ำหน้าถ้ำลึก 29 ซม. ลึกเข้าไปประมณ 300 เมตรยังคงทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 42 ซม. ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 2-3 วันก่อน ทำให้เจ้าหน้าที่ยังคงโหมสูบน้ำจากปากถ้ำ และจุดเจาะบาดาลต่างๆ รวมถึงสำรวจปล่องบนดอยนางนอนเพื่อหาช่องไปให้ถึงภายในถ้ำหลวงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม จนถึงสายวันนี้ศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาฯ ยังไม่มีการแจ้งเรื่องกำหนดเวลาในการนำทั้ง 13 คนออกมาจากถ้ำ ขณะที่สภาพภายนอกสดใส ฟ้าเปิดทำให้มีแดดจ้า และมีเมฆบางตา
ทั้งนี้ มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตำนานของเทือกเขาดอยนางนอน โดยอ้างอิงข้อมูลจากวนอุทยานฯ ว่า “มีพญาครุฑตัวหนึ่งได้ลักพาตัวลูกสาวพญานาคมาซุกซ่อนนอนอยู่บนดอยนางนอน ฝ่ายพญานาคจึงค้นหาลูกสาวจนทั่วเมืองบาดาลก็ไม่พบ จึงขึ้นมา ณ ถ้ำหลวงแห่งนี้แล้วพบลูกสาว พญานาคจึงได้ขอลูกสาวคืน แต่พญาครุฑได้ขอเงินทองเป็นของแลกเปลี่ยน พญานาคก็ยอม โดยกลับไปเอาเงินทอง พร้อมบริวารมาพักอาศัยจุดที่ชาวบ้านเรียกว่า “พระธาตุจอมนาค” เมื่อพญาครุฑได้เงินทองแล้วก็นำไปเก็บไว้ที่ถ้ำไทรทอง แล้วพญานาคก็พาลูกสาวกลับเมืองบาดาล ส่วนพญาครุฑได้เสียชีวิตบนดอยตุง กลายเป็นผารูปรุ้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระธาตุดอยตุง”
