ยโสธร - ตำรวจคำเขื่อนแก้วตามรวบผู้ต้องหาขโมยฆ้องและระฆังทองเหลือง พร้อมของกลางเพียบ หลังร่วมกับพวกก่อเหตุตระเวนขโมยระฆังตามวัดต่างๆ ในพื้นที่ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร กว่า 11 ใบ มูลค่าความเสียหายกว่า 2 แสนบาท
วันนี้ (4 ก.ค. 61) ที่สถานีตำรวจภูธรคำเขื่อนแก้ว อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร พ.ต.อ.ณรงค์ สายโณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรคำเขื่อนแก้ว พร้อมด้วย พ.ต.ท.ยศกร พันธ์ศิริ รองผู้กำกับการสืบสวนสถานีตำรวจภูธรคำเขื่อนแก้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรคำเขื่อนแก้ว ได้ควบคุมตัวนายเกียรติศักดิ์ หน่องพรม อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 176 หมู่ 5 ตำบลโพธิ์ศรี อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ผู้ต้องหา
พร้อมของกลางฆ้องทองเหลืองขนาดใหญ่ 1 อัน และระฆังทองเหลืองอีก 10 ใบ รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ หมายเลขทะเบียน บห 9919 อุดรธานี แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ภายหลังจากมีกลุ่มคนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คนใช้รถกระบะเป็นพาหนะตระเวนขโมยฆ้องและระฆังทองเหลืองตามวัดต่างๆ ในพื้นที่ตำบลเหล่าไฮ และตำบลกู่จาน อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 และ 2 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา
มีวัดในพื้นที่ถูกคนร้ายขโมยระฆังจากหอระฆังภายในวัดหายไปต่อเนื่องถึง 4 วัด ฆ้องและระฆังถูกขโมยหายไปกว่า 10 ใบ ทางวัดที่ได้รับความเสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคำเขื่อนแก้ว ให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรคำเขื่อนแก้วได้ลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุมตัวกลุ่มคนร้าย จากการตรวจสอบจากหมายเลขทะเบียนรถคันก่อเหตุ ทราบว่าหัวหน้าแก๊งที่พากันตระเวนขโมยฆ้องและระฆังตามวัดต่างๆ ในพื้นที่คือนายเอกชัย เหลื่อมใส เป็นชาวอำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามไปยังภูมิลำเนาของกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งมีบ้านพักอยู่กลางทุ่งนาในพื้นที่ตำบลโพธิ์ศรี อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
พบกลุ่มคนร้ายอยู่ภายในบ้านพักประมาณ 5 คน คนร้ายเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พากันวิ่งหลบหนีไปคนละทิศละทาง สามารถจับกุมตัวได้เพียง 1 คน คือ นายเกียรติศักดิ์ หม่องพรม ผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดรถกระบะคันที่ใช้ก่อเหตุอีก 1 คัน ซึ่งจอดอยู่ภายในบ้านพัก ก่อนจะขยายผลติดตามไปตรวจยึดฆ้องและระฆังของกลางที่กลุ่มคนร้ายนำไปขายให้านรับทำฆ้องและระฆังในพื้นที่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ได้ดังกล่าว
ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำผิดจริง โดยร่วมกับเพื่อนๆ ที่หลบหนีไปได้พากันตระเวนขโมยฆ้องและระฆังที่แขวนเอาไว้ตามวัดต่างๆ ในพื้นที่อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ตนมีหน้าที่ขึ้นไปปลดเอาระฆังที่อยู่บนหอระฆังลงมา ก่อนจะนำขึ้นรถพากันหลบหนีไป โดยจะได้ค่าจ้างครั้งละ 1,000 บาท จากนั้นกลุ่มเพื่อนๆ ที่ไปด้วยกันจะนำระฆังที่ขโมยได้ไปขายให้ร้านรับทำระฆังต่อไป
ผู้ต้องหาอ้างว่าเพิ่งจะก่อเหตุเป็นครั้งแรก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะจากการตรวจสอบประวัติของกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้พบว่ามีประวัติตระเวนขโมยฆ้องและระฆังตามวัดต่างๆ ทั่วภาคอีสาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขอหมายจับเพื่อติดตามตัวกลุ่มผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.ท.ยศกร พันธ์ศิริ รองผู้กำกับการสืบสวนสถานีตำรวจภูธรคำเขื่อนแก้ว กล่าวว่าพฤติการณ์ของคนร้ายกลุ่มนี้จะอาศัยช่วงเวลากลางคืนใช้รถกระบะเป็นพาหนะ และรถจักรยานยนต์อีก 1 คันเป็นรถตรวจสอบเส้นทาง แล้วพากันตระเวนขโมยเอาฆ้องและระฆังทองเหลืองตามวัดต่างๆ ในพื้นที่อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร หลังจากได้ของแล้วพากันหลบหนีทันที ก่อนจะนำฆ้องและระฆังไปขายให้ร้านที่รับทำฆ้องและระฆังในอำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
จากการสืบสวนแกะรอยกลุ่มคนร้าย จึงทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ก่อนที่จะสามารถติดตามจับกุมตัวพร้อมของกลางได้ดังกล่าว ซึ่งมูลค่าความเสียหายในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท