พระนครศรีอยุธยา - อยุธยา เตรียมผนึกกำลังวางแผนพร้อมเฝ้าระวังรับมือช่วงน้ำหลาก เน้นป้องกันในเขตพื้นที่ลุ่มต่ำ 6 อำเภอ หวังจะช่วยให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมบ้านแพน 2 ที่ว่าการอำเภอเสนา อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายเรวัต ประสงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานประชุมเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ปี 2561 พื้นที่ปฏิบัติการ 1 (อำเภอเสนา บางบาล ผักไห่ บางซ้าย บางไทร และลาดบัวหลวง) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มี นายโบว์แดง ทาแก้ว ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา นายอำเภอจาก 6 อำเภอ รวมทั้งชลประทานในพื้นที่เข้าร่วม
ทั้งนี้ นายโบว์แดง ทาแก้ว ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีฝนตกอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงภาคเหนือตอนล่าง ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น
ล่าสุด เขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำท้ายเขื่อนประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่บ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแต่อย่างใด จนกว่าจะมีการระบายน้ำเกิน 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีขึ้นไป จึงจะเริ่มส่งผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม ด้วยความไม่ประมาท ทางจังหวัดจึงได้มีการบูรณาการประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินจากบทเรียนน้ำท่วมในครั้งที่ผ่านมา โดยจะแบ่งพื้นที่ปฏิบัติการออกเป็น 3 พื้นที่ และจะเน้นย้ำป้องกันในเขตพื้นที่ที่ 1 ซึ่งประกอบด้วย 6 อำเภอ ที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ และเป็นทุ่งรับน้ำ คือ อำเภอเสนา บางบาล ผักไห่ บางซ้าย บางไทร และลาดบัวหลวง
“ถ้าระบายน้ำยังไม่ถึง 700 ให้มีการเตรียมความพร้อมก่อน ให้หน่วยงานต่างๆ พร้อมรับสถานการณ์ในการเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งในแต่ละทุ่งต่างๆ ตอนนี้ได้ให้แขวงทางหลวง หรือชลประทานจังหวัดเข้าไปกำหนดระดับว่าระดับไหนที่เราจะเอาน้ำเข้าไป ระดับไหนที่น้ำจะท่วมถนน แล้วเตรียมการในเรื่องกระสอบทราย เตรียมการในการที่จะเข้าไปบล็อคตรงจุดที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำในตอนนี้”
นายโบว์แดง ทาแก้ว กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ไปจะมีการเฝ้าระวัง และมีการแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยจะมีการตั้งกลุ่มไลน์แก้ไขปัญหาน้ำท่วมของจังหวัดขึ้นมา เพื่อให้หัวหน้าส่วน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งข้อมูลระดับน้ำ ปริมาณฝน และแนวทางการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะทำให้สามารถวิเคราะห์ และแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที และจะช่วยให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยลง