ฉะเชิงเทรา - ทุกข์ซ้ำ...ชาวไร่สับปะรดเมืองแปดริ้ว เจอทั้งราคาตกเหลือ กก.ละ 2.50 บาท ทั้งยังถูกช้างป่าย้ายถิ่นบุกยึดไร่เข้าหากินแบบครอบครัว
วันนี้ ( 26 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางอรัญญา ฟุ้งไพศาลพงศ์ อายุ 36 ปี ชาว ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในเนื้อที่กว่า 40 ไร่ ว่านอกจากขณะนี้จะต้องได้รับความเดือดร้อนจากราคาสับปะรดตกต่ำ จนต้องปล่อยทิ้งให้ผลผลิตเน่าเสียคาไร่แล้ว ยังต้องประสบปัญหาช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และสระแก้ว) ที่หนีออกจากป่าเข้ามาปักหลักหากินถึงในไร่
โดยช้างป่าได้เข้ามาอาศัยอยู่ภายในสวนป่าขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ลาดกระทิง ที่อยู่ใกล้เคียงพื้นที่ปลูกสับปะรดของชาวบ้านที่มีพื้นที่รวมกว่า 2 หมื่นไร่ สร้างความเสียหายให้กับไร่สับปะรด ,ไร่มันสำปะหลัง ,สวนมังคุด ,สวนกล้วย ,สวนมะพร้าว และยังรื้อถอนต้นยางพาราของชาวบ้านจนพังราบ
นางอรัญญา ยังเผยอีกว่า ช้างป่าโขลงนี้ ได้ออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่เกือบ 3 ปีแล้ว โดยมีจำนวนกว่า 20 ตัว อีกทั้งยังมีการออกลูกออกหลานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้เคยแจ้งไปยัง เจ้าหน้าที่อนุรักษ์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหลายครั้ง แต่กลับได้รับคำตอบว่าให้ทำใจและให้ชาวบ้านปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกันให้ได้
“ พื้นที่สวนเวลานี้คล้ายกันกับสวนสัตว์เปิดเข้าไปทุกที และชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะต้องคอยระมัดระวังตัวกันเองเวลาออกไปทำสวน ทำไร่ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย ซึ่งในบางครั้งช้างป่า ถึงกับเข้ามากินและนอนอยู่ภายในไร่ โดยเฉพาะช่วงฤดูผลผลิตกำลังออกผล ”
นางอรัญญา ยังกล่าวอีกว่าตนเองได้ปลูกสับปะรดสลับกับสวนยางพารา ที่ยังอยู่ระหว่างรอการเจริญเติบโต โดยได้ลงทุนไปกว่า 3 แสนบาท เนื่องจากปีก่อนสับปะรดราคาดี แต่ในปีนี้สับปะรดกลับราคาตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 2.50 บาท เนื่องจากทางโรงงานไม่รับซื้อ ขณะที่ทางจังหวัดก็ช่วยเหลือได้เพียงให้นำสับปะรดออกไปวางจำหน่ายตามปั๊มน้ำมัน ซึ่งไม่สามารถระบายสับปะรดที่มีอยู่มากได้ทัน
“ การขนสับปะรดออกจากไร่ ไปวางขายตามปั้มน้ำมัน ก็จะต้องปลอกเปลือกให้ลูกค้าด้วยจึงจะขายได้ ซึ่งต้องใช้เวลาและปลอกไม่ทัน เนื่องจากไม่มีคนงานช่วยปลอก และหากสับปะรดเหลืออยู่บนรถจำนวนมากชาวไร่ก็ไม่อยากขนกลับ จึงต้องลดราคาขายให้ต่ำลงไปอีกหรือแจกแถมให้แก่ลูกค้า จนทำให้เกิดปัญหากันเองระหว่างเกษตรกรกันเอง จึงอยากให้รัฐบาลช่วยหาทางเยียวยาหรือมีมาตรการในรับซื้อมากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อลดความเสียของผลผลิต” นางอรัญญา กล่าว