“บิ๊กป๊อก” สั่งต้องเข้าถึงตัวเด็กให้ได้เร็วที่สุด-หุ่นยนต์ดำน้ำถึงถ้ำหลวงแล้ว

เชียงราย - ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลฯ นำหุ่นยนต์ดำน้ำเข้าไปร่วมสนับสนุนปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 ชีวิตติดในถ้ำหลวงแล้ว ด้าน มท.1 สั่งการให้หน่วยซีลเป็นแม่งานหลัก ทั้งจังหวัดเร่งระดมส่งปั๊มน้ำสูบน้ำออกให้มากที่สุด

เวลา 14.30 น. วันนี้ (26 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่า ซึ่งมีนักเรียนอายุ 11-16 ปี จำนวน 12 คน และโค้ชอายุ 25 ปี จาก ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย รวม 13 คน ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน หมู่บ้านจ้องวัด หมู่ 9 ต.โป่งผา ตั้งแต่เย็นวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ล่าสุดทางภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลและการบิน-อวกาศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ นำเครื่องอาร์โอวี ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ดำน้ำไปร่วมสนับสนุนภายในโพรงถ้ำดังกล่าวด้วยแต่ยังอยู่ระหว่างการตรวจดูสภาพภูมิประเทศก่อนนำเข้าไปดำเนินการ โดย ดร.สว่างทิตย์ ศรีกิจสุวรรณ ประจำภาควิชาดังกล่าวระบุว่า เครื่องยนต์ดังกล่าวมีขีดความสามารถดำน้ำด้วยระบบควบคุมด้วยสายระยะไกลกว่า 100 เมตร เพื่อการสำรวจด้วยการเก็บภาพ ส่องสว่าง

ส่วนกรณีน้ำมีความขุ่นมัวก็ยังมีระบบโซนาร์สะท้อนเสียงเพื่อสำรวจภายในได้ กระนั้นที่ผ่านมาเคยนำไปปฏิบัติงานเฉพาะพื้นที่ทางทะเล ดังนั้นจึงต้องเข้าไปดูภูมิประเทศและปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการต่อไป

สำหรับสถานการณ์ภายในถ้ำนั้น ทางจังหวัดกำลังระดมสูบน้ำออกจากถ้ำอย่างต่อเนื่อง พบว่าได้ทำให้ระดับน้ำภายในโพรงห่างจากปากถ้ำประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งเป็นอุปสรรคในการเข้าไปยังด้านในของถ้ำที่คาดว่ากลุ่มเด็กๆ จะหลบน้ำอยู่ลดระดับลงในระดับหนึ่ง แต่ยังคงมีระดับที่เพิ่มขึ้นและลดลงสลับกันไปเนื่องจากฝนยังคงตกลงมาสลับกับสภาพอากาศที่มืดครึ้ม

โดยหน่วยทหารเรือจากกรมรบพิเศษที่ 1 ทหารเรือ หรือหน่วยซีลซึ่งเป็นหน่วยหลักที่ดำน้ำเข้าไปจำนวน 8 นาย และสนับสนุนอยู่ด้านนอกยังคงปฏิบัติการอย่างเข้มข้นตลอดทั้งวันทั้งคืน

ด้านนายดำรงค์ หาญภักดีนิยม หัวหน้าอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ได้ออกประกาศปิดวนอุทยานเป็นการชั่วคราว โดยให้เหตุผลด้านความสะดวกในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการค้นและกู้ภัยด้วย

ขณะที่บรรดาญาติพี่น้องโดยเฉพาะพ่อแม่ของเด็กนักเรียนทั้งหมดยังคงปักหลักอยู่ภายในเต็นท์หน้าถ้ำที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ และบางคนถึงขั้นหมดเรี่ยวแรงหรือเป็นลมเพราะไม่ยอมรับประทานอาหารและน้ำดื่มเนื่องจากเป็นห่วงบุตรหลานของตน ทางหน่วยปฐมพยาบาลจากสำนักงานสาธารณสุข อ.แม่สาย โรงพยาบาลแม่สาย โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช ฯลฯ ได้จัดเต็นท์พยาบาลเพื่อให้การช่วยเหลือและให้พ่อแม่ที่ต้องการพักผ่อนได้นอนพัก

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปอำนวยการปฏิบัติการช่วยเหลือที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จ.เชียงราย ณ ห้องประชุมศูนย์บริการนักท่องเที่ยว วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สรุปผลให้ทราบถึงสถานการณ์ล่าสุดคือหน่วยซีลสามารถดำทะลุไปถึงอีกฟากหนึ่งของโพรง แต่เมื่อน้ำภายในถ้ำเพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หน่วยซีลที่เข้าไปรอบใหม่เพื่อหวังจะเข้าไปให้ลึกที่สุดหรือพ้นจุดที่เรียกกันว่าพัทยาบีชที่เป็นเนินภายในโพรงดังกล่าวยังคงพยายามปฏิบัติงานอยู่ โดยได้เข้าไปและกลับโดยแต่ละครั้งก็ทำสัญลักษณ์เอาไว้ตามรายทางแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในการปฏิบัติงาน

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ชุดของซีลทหารเรือพบปัญหาคือมีน้ำขุ่นตลอดเวลาทำให้รุดหน้าไปได้อย่างลำบากมาก รวมทั้งพบปัญหาอุปกรณ์หายใจหรือแท็งก์หายใจมีระยะเวลาทำงานจำกัด ดังนั้น หน่วยซีลต้องการให้ลดระดับน้ำให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้น้ำแตะเพดานโพรงถ้ำเพื่อแบ่งเบาภาระการดำ เพราะหน่วยซีลได้พัฒนาการใช้ถังวงจรปิดเพื่อปรับตัวให้สามารถอยู่ได้นานประมาณ 3 ชั่วโมงกรณีไม่มีฟองอากาศได้แล้ว

ดังนั้น หน่วยงานสนับสนุนจึงได้ระดมสายไฟฟ้าและปั๊มน้ำทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อนำน้ำออกมาให้ได้มากที่สุดสำหรับให้เกิดช่องว่างระหว่างเพดานและหน่วยซีลจะได้เข้าไปให้ได้ลึกที่สุดต่อไป ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้ทำให้ได้โดยเร็วโดยอาศัยช่วงที่ไม่มีฝนตกลงมาเพราะหากมีฝนจะเพิ่มปริมาณน้ำทำให้ทำงานได้ยากขึ้น และการทำงานไม่มีแบ่งเวลากลางวันกลางคืนโดยระดมทำงานตลอดเวลาต่อไป