นครพนม - ตำรวจนครพนมร่วม ป.ปส.บุกตรวจสอบยึดทรัพย์ขบวนการค้ายาบ้าข้ามชาติรายใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียวมูลค่าเกือบ 3 ล้านบาท หลังศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต ผู้การฯ เผยต้องเร่งขยายผลจับกุมยึดทรัพย์เครือข่ายในแก๊งทั้งหมดเพื่อตัดวงจรขบวนการค้า
วันนี้ (20 มิ.ย.) พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายพงษ์ศิริ ชื่นบาน ผู้อำนวยการส่วนตรวจสอบทรัพย์สินและบังคับโทษ สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 4 พ.ต.ท.ณรายุทธ ไตรยสุทธิ์ สารวัตรสืบสวนหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 4 ลงพื้นที่ตรวจสอบอายัดทรัพย์สินขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534
โดยได้ทำการตรวจสอบอายัดบ้านชั้นเดียวภายในหมู่บ้านพิมพากร เลขที่ 76/194 ถนนประชาร่วมมิตร ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านของ นางสาวสรวงสุดา กึกทอง อายุ 38 ปี รวมมูลค่าทรัพย์สินมากเกือบ 3 ล้านบาท
การตรวจยึดครั้งนี้เป็นผลมาจากมาตรการเชิงรุกในการปราบปรามยาเสพติดของตำรวจภูธรจังหวัดนครพนมร่วมกับ ป.ป.ส.ภาค 4 ที่เน้นการขยายผลไปยังขบวนการผู้เสพ ผู้ค้า ไปจนถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นการตัดวงจรการค้ายาเสพติด ซึ่งในครั้งนี้ได้ขยายผลหลังทางตำรวจสามารถจับกุมขบวนการค้ายาบ้าข้ามชาติรายสำคัญ คือ นางสาวนภัสสร กึกทอง อายุ 38 ปี ในพื้นที่ จ.นคพรนม ได้ของกลางยาบ้าจำนวน 4,061 เม็ด พร้อมขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เมื่อเดือนเมษายน ปี 2560 ที่ผ่านมา
จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 60 ได้มีคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ในความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ให้จำคุกตลอดชีวิต และปรับเป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 25 ปี ปรับเป็นเงิน 5 แสนบาท
ต่อมามีการขยายผลจับกุม นายธีรศักดิ์ บุทา อายุ 38 ปี ในข้อหาสมคบร่วมกันกระทำผิดค้ายาเสพติด หลังนางสาวนภัสสรให้การซัดทอด อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของตำรวจ จนมีการขยายผลตรวจสอบทรัพย์สิน พบว่ามีทรัพย์สิน คือบ้านพัก ที่เชื่อมโยงมายังเส้นทางขบวนการค้ายาบ้า เชื่อว่านำเงินมาซื้อบ้านพักชั้นเดียวภายในหมู่บ้านดังกล่าว
โดยมีชื่อเป็นกรรมสิทธิ์ของภรรยาคือ นางสาวสรวงสุดา กึกทอง อายุ 38 ปี จึงมีการตรวจสอบอายัดตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 เพื่อทำการตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมาย
พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เปิดเผยถึงการขยายผลอายัดทรัพย์สินขบวนการค้ายาบ้ากลุ่มนี้ ถือว่าเป็นกลุ่มค้ายาบ้ารายใหญ่ที่มีเครือข่ายเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยทางตำรวจชุดสืบสวนนครพนมร่วมกับ ป.ป.ส.ภาค 4 หลังมีการปราบปรามจับกุม และทำการขยายผล ซึ่งปัจจุบันทางตำรวจได้มีมาตรการเชิงรุกร่วมกับ ป.ป.ส.ภาค 4 นอกจากการปราบปรามจับกุมแล้ว จะต้องขยายผลไปตรวจสอบทรัพย์สินเครือข่ายที่เชื่อมโยงทุกราย หากตรวจสอบพบเกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีทุกรายเช่นเดียวกับรายนี้
เบื้องต้นตรวจสอบพบทรัพย์สินเชื่อมโยงกันจึงทำการอายัดไว้ก่อน หากไม่สามารถชี้แจงที่มาได้ต้องทำการตรวจยึดตามกฎหมาย