เชียงราย - ผู้ปกครองโรงเรียนดังแม่จัน เมืองพ่อขุนฯ ทนไม่ไหว..ร้องเรียนแล้วเงียบ ลุยเปิดหน้า Live สด-โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แฉโรงเรียนเรียกเก็บเงินเด็ก-พ่อแม่ถี่ยิบ แต่ไม่แจงบัญชี แถมลูกไม่เคยได้รับเงินอุดหนุน ทั้งยังต้องจ่ายเพิ่มจิปาถะ
วันนี้ (20 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้เผยแพร่คลิปที่พูดถึงการบริหารงานของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย อย่างดุเดือดผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Piyacheep S Vatcharobol ซึ่งมีการตั้งเป็นกลุ่ม และ Live สด ที่บางช่วงมีคนเข้าไปดูนับพันๆ คน
ในคลิปพบนายปิยะชีพ วัชโรบล อายุ 57 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว เป็นผู้ออกมาเผยแพร่ข้อมูลด้วยตัวเองว่า ตนเป็นผู้ปกครองและบิดาของนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนแห่งนี้ และจากการส่งบุตรสาวเข้าเรียนทำให้พบข้อสงสัยหลายประการ โดยเฉพาะมีการจัดเก็บเงินจากผู้ปกครองในลักษณะต่างๆ หลายครั้ง แต่ไม่ได้มีการชี้แจงบัญชี หรือรายละเอียดการใช้เงินเลย ขณะที่การพัฒนาภายในโรงเรียนทั้งการศึกษา อาคารและอื่นๆ ยังไม่ดีพอด้วย
นอกจากนี้ นายปิยะชีพยังนำเอกสารการร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, หน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ, ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว มาเผยแพร่ โดยมีเนื้อหาสำคัญคือ การที่นักเรียนภายในโรงเรียนต้องจ่ายเงินตาม "โครงการระดมทรัพย์" ของทางโรงเรียนดังกล่าวเป็นภาคเรียน ภาคเรียนละ 1,800 บาท และตั้งแต่บุตรสาวตนเข้าเรียนก็ไม่เคยได้รับสวัสดิการช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรี เป็นค่าเสื้อผ้าปีละ 450 บาท และค่าอุปกรณ์การเรียนเทอมละ 210 บาทเลย
โดยค่าอุปกรณ์การเรียนมีการบังคับให้นักเรียนรับสมุดจดงานของทางโรงเรียนแทน แต่ก็ยังมีการเรียกเก็บค่าแบบฝึกหัด ค่าสมัครสอบต่างๆ และให้ซื้ออุปกรณ์การเรียนต่างๆ อีกหลายรายการ รวมทั้งมีค่าการกุศลหรือแจกซองต่างๆ ที่โรงเรียนไม่เคยชี้แจงว่านำไปใช้อย่างไร ขณะที่สภาพภายในโรงเรียนหลายจุดพบว่าอาคารทรุดโทรม เช่น ห้องน้ำนักเรียน เป็นต้น
นายปิยะชีพระบุอีกว่า ปีหนึ่งโรงเรียนเรียกเก็บจากผู้ปกครองไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาท นอกเหนือไปจากค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลโดยกระทรวงศึกษาธิการสนับสนุนรายหัวปีละไม่ต่ำกว่า 14 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณนี้ทางโรงเรียนไม่เคยชี้แจงให้ทราบเลยว่านำไปใช้บริหารงานส่วนใดบ้าง
นายปิยะชีพระบุด้วยว่า ตนยอมรับว่าในยุคปัจจุบันโรงเรียนต่างๆ มีการจัดเก็บเงินจากผู้ปกครองนอกเหนือจากงบประมาณปกติ แม้แต่ในกรุงเทพฯ ที่มีการแข่งขันกันสูงก็มีการจัดเก็บเพื่อนำไปว่าจ้างครูสอนเพิ่มเติม หรือนำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ แต่ก็มีการจัดทำบัญชีชี้แจงการใช้งบประมาณดังกล่าวให้ผู้ปกครองรับทราบ แต่ที่โรงเรียนแห่งนี้กลับไม่มี ซึ่งตนคิดว่าหากมีการชี้แจงบ้างอาจทำให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญ และร่วมสนับสนุนโรงเรียนอีกได้
นายปิยะชีพกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันตนไม่ยอมจ่ายค่าโครงการระดมทรัพย์ที่ว่านี้แล้ว ทำให้ทางโรงเรียนมีหนังสือทวงมา ซึ่งตนก็สงสัยว่าโรงเรียนมีการระดมทุนเช่นนี้ได้อย่างไร เมื่อรวมกับเรื่องอื่นๆ ตนจึงตัดสินใจออกมาเผยแพร่ข้อมูลนี้ โดยไม่ได้มีอคติหรือมุ่งหวังจะทำลายชื่อเสียงใดๆ แต่เพราะได้ร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานแต่ยังไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ส่วนใหญ่เป็นการแจ้งหนังสือกันไปมา และบางหน่วยก็เก็บเอกสารเอาไว้แล้วรับปากว่าจะดำเนินการให้เท่านั้น ตนจึงอยากให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย