กาญจนบุรี - ชาวกาญจน์เตรียมสวมเสื้อยืดสีเขียว เดินรณรงค์ทวงคืนโรงงานเป็นกระดาษสมบัติชาติ หลังถูกบริษัทเอกชนผูกขาดมานานหลานสิบปี นัดพบกันที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง 07.30 น. วันที่ 19 มิ.ย.นี้ ด้านชาวบ้านเกาะสำโรงกว่า 200 คน ต่อแถวลงชื่อทวงคืนโรงงานกระดาษกลับมาเป็นสมบัติชาติแล้ว
วันนี้ (9 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กจ.194 ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านใต้ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เนื้อที่ จำนวน 69-2-34 ไร่ สิ้นสุดสัญญาเช่าประกอบกิจการโรงงานกระดาษจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 9 พ.ย.60 ที่ผ่านมา แต่ขณะเดียวกันกรมธนารักษ์ ได้มีโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุตามแนวเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในที่ดินแปลงดังกล่าว ด้วยการให้บริษัทเอกชนเข้ามาประมูล เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวมีมูลค่าทางการตลาดมากกว่า 1,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันหลังจากที่ประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี ทราบข่าวว่าสัญญาเช่าที่ดินของบริษัทเอกชนนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ต่างก็แสดงความยินดีและดีใจเป็นอย่างมาก ที่ทุกคนจะได้ที่ดินที่เป็นสมบัติชาติกลับคืนมา เพื่อพัฒนาให้เป็นพื้นที่สีเขียว และเป็นปอดแห่งใหม่ให้กับชาวจังหวัดกาญจนบุรี
แต่ในที่สุดชาวกาญจนบุรีก็ต้องผิดหวังเนื่องจากกรมธนารักษ์ มีแผนการนำที่ดินจัดทำโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุตามแนวเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ด้วยการให้บริษัทเอกชนเข้ามาประมูล เมื่อเป็นเช่นนั้น ชาวกาญจนบุรี จึงได้รวมตัวกันตั้งกลุ่ม “ภูมิบ้าน ภูมิเมือง” ขึ้นมา เพื่อคัดค้านโครงการฯ เพราะทุกคนมองว่าพื้นที่โรงงานกระดาษทั้ง 69-2-34 ไร่ ที่ถูกบริษัทเอกชนผูกขาดนำไปใช้ประโยชน์มาหลายสิบปีนั้น เป็นสมบัติของชาวจังหวัดกาญจนบุรี และเป็นสมบัติของชาติ
ดังนั้นกรมธนารักษ์ ควรพิจารณายกเลิกแผนและโครงการฯเพื่อให้บริษัทเอกชนเข้ามาประมูล นำไปพัฒนาในเชิงพาณิชย์ และมอบที่ดินให้กับจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อนำไปพัฒนาให้เป็นพื้นที่สีเขียวที่อยู่ใจกลางเมืองกาญจนบุรี และเป็นพื้นที่สาธารณะเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน อย่างแท้จริง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าขณะนี้ “กลุ่มภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์” ได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านทุกช่องทาง ทั้งทางเฟสบุ๊ก ไลน์กลุ่ม เพื่อขอให้ประชาชนชาวกาญจนบุรี และคนไทยทั้งประเทศ มาร่วมกันเดินรณรงค์ เพื่อแสดงและรวมพลังทวงคืนสมบัติของชาติ กันอย่างพร้อมเพรียง
และได้มีกำหนดการเดินทางไปพร้อมกันที่บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองกาญจนบุรี ในเวลา 07.30 น.ของวันที่ 19 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ และในระหว่างนี้จะมีการสับเปลี่ยนกันปราศรัย เพื่อให้ความรู้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนให้ทราบเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของโรงงานกระดาษที่เกิดขึ้นมาเมื่อในอดีต และให้ทราบถึงเหตุผลของการรวมพลังเพื่อทวงคืนสมบัติชาติในครั้งนี้ด้วย
จากนั้นในเวลาประมาณ 08.30 น. จะเริ่มเคลื่อนขบวนจากหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ไปตลาดผาสุก เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนอู่ทอง ผ่านสี่แยกไฟแดงหอนาฬิกา (ป้อม สห.) เข้าตลาดเก่า แล้วเลี้ยวซ้ายสี่แยกหน้าร้านบุญเลี้ยง ไปตามถนนปากแพรก ผ่านด้านหลังโรงงานกระดาษ เลี้ยวซ้ายทะลุสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี สู่ถนนแสงชูโต ผ่านด้านหน้าสโมสรโรงงานกระดาษ และหน้าโรงงานกระดาษ ไปสิ้นสุดที่หน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
โดยการเดินรณรงค์เพื่อทวงคืนสมบัติชาติในครั้งนี้ ทุกคนจะพร้อมใจกันสวมเสื้อยืดสีเขียวที่เขียนว่า “กำแพงเมืองเก่า...โรงงานกระดาษ...สมบัติชาติ...เราขอคืน” คาดว่าในวันนั้นจะมี ข้าราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน นิสิต นักศึกษา เด็กและเยาวชน มาร่วมนับร้อยนับพันนับหมื่นคน เส้นทางที่เดินผ่านจะกลายเป็นสีเขียวเต็มท้องถนนอย่างแน่นอน ที่สำคัญในวันนั้น “กลุ่มภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์” จะยื่นหนังสือต่อ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ด้วย
ข่าวรายงานด้วยว่า ที่ลานต้นจามจุรียักษ์ หมู่ 5 ต.เกาะสำโรง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายสำรวย ต่ายแพร กำนันตำบลเกาะสำโรง ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนเพื่อทวงคืนโรงงานกระดาษ เนื้อที่ กว่า 96 ไร่ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกาญจนบุรี เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี โดยมีประชาชนในพื้นที่ตำบลเกาะสำโรงกว่า 200 คน เดินทางไปร่วมลงชื่อ และหลังจากประชาชนลงชื่อแล้วเสร็จ นายสำรวย ได้ส่งมอบรายชื่อทั้งหมดให้กับนายศรนรินทร์ ทินบุตร ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี เพื่อส่งต่อให้กับจังหวัดกาญจนบุรีต่อไป
ทั้งนี้นายสำรวย ต่ายแพร กล่าวว่า สำหรับการลงชื่อของชาวบ้านชื่อครั้งนี้ เพื่อขอคืนพื้นที่โรงงานกระดาษที่อยู่ในเขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ชาวบ้านทุกคนมีจุดประสงค์เดียวกันคือ ต้องการให้จังหวัดกาญจนบุรี นำพื้นที่ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนา ให้เป็นพื้นที่สีเขียว ที่ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ซึ่งชาวบ้านต้องการให้กรมธนารักษ์ ยุติแผนการนำที่ดินไปจัดทำโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุตามแนวเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ด้วยการให้บริษัทเอกชนเข้ามาประมูล นำไปทำธุรกิจในเชิงพาณิชย์อีกต่อไป
อีกทั้งอาคารต่างๆ ที่มีอยู่ภายในบริเวณพื้นที่ยังเป็นสถาปัตยากรรมที่สวยงาม รวมไปถึงกำแพงเมืองเก่า ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ในจังหวดกาญจนบุรีอยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยจัดการดูแล เพื่ออนุรักษ์โบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ให้คนรุ่นหลังได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ความเป็นมา ของโรงงานกระดาษแห่งนี้สืบไป