ฉะเชิงเทรา- ชายพิการป่วยอัมพฤกษ์ซึ่งประกาศบริจาคดวงตาให้สาววัย 26 ปี ที่พิการตาบอดซ้ำยังต้องเลี้ยงดูบุตรและแม่เพียงลำพัง กลายเป็นที่สนใจของสื่อใหญ่หลายสำนักถึงขั้นชิงตัวไปออกรายการ หลังมีการเผยแพร่เรื่องราวความเอื้ออาทรต่อกันของคนร่วมโลกที่แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ก็พร้อมจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันจนกลายเป็นความประทับใจของคนในสังคม
จากกรณีที่รายการทีวีต่างๆ ได้นำเสนอเรื่องราวของ น.ส.สุนิสา มุ่งรวยกลาง อายุ 26 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ซึ่งพิการตาบอดทั้ง 2 ข้างมานานกว่า 7 ปี จากผลข้างเคียงของการทำงานในโรงงานหลอมเหล็ก ซ้ำยังถูกสามีทิ้งให้เลี้ยงลูกชายวัย 1 ขวบ 3 เดือนตามลำพัง จนได้มีการประกาศขอรับบริจาคดวงตาผ่านทางรายการโทรทัศน์ กระทั่งนายพายัพ รอดเมือง อายุ 59 ปี ชาวอ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ชายพิการป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ได้ประกาศว่าจะบริจาคดวงตาให้กับหญิงคนดังกล่าว จนกลายเป็นข่าวโด่งดังและได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนหลายแขนง ถึงขั้นเกิดการชิงตัวให้ไปออกรายการนั้น
ล่าสุดในวันนี้( 8 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 1/17 ม. 11 ต.บ้านซ่อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นบ้านพักของ นายพายัพ รอดเมือง อายุ 59 ปี ชายพิการป่วยเป็นอัมพฤกษ์ที่ตัดสินใจช่วยบริจาคดวงตาให้แก่ น.ส.สุนิสา โดยได้พบน.ส.จุฑามณี รอดเมือง อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นหลานสาวของ นายพายัพ ซึ่งได้บอกว่าในช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีสถานีโทรทัศน์หลายแห่งแห่กันเข้ามาทำข่าว และพยายามที่จะเชิญตัว นายพายัพ ไปยังสถานีโทรทัศน์ในกรุงเทพฯ แต่ นายพายัพ ได้เดินทางไปกับสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ตั้งแต่เมื่อ 07.00 น.ที่ผ่านมา
ส่วนสาเหตุที่ นายพายัพ ตัดสินใจที่จะบริจาคดวงตาให้แก่หญิงสาววัย 26 ปี เพราะได้ดูรายการข่าวจากสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งแล้วรู้สึกสงสาร เนื่องจากผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นคนที่ตาบอดและยังต้องดูแลทั้งแม่และลูก จึงได้ตัดสินใจติดต่อเข้าไปเพื่อขอบริจาคดวงตาให้หนึ่งข้าง
น.ส.จุฑามณี กล่าวต่อไปว่า สำหรับอาการป่วยของ นายพายัพ ผู้เป็นลุงนั้น ปัจจุบันมีอาการป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์จนต้องนอนเป็นผู้ป่วยติดเตียงมานานกว่า 20 ปี เนื่องจากประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
" แต่ลุงก็สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่น ลุกขึ้นเข้าห้องน้ำได้ และหาข้าวกินเองได้ โดยปัจจุบันนายพายัพได้พักอาศัยอยู่ร่วมกับผู้เป็นอาอีกคนหนึ่งเป็นผู้คอยช่วยเหลือดูแล โดยอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว รวม 5 คนภายในบ้าน"น.ส.จุฑามณี กล่าว