ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตร.ท่องเที่ยวพัทยา ตามรวบ 3 สาวประเภทสอง จัดทริปพิสดารโชว์เปลือยให้นักท่องเที่ยวจีนถ่ายรูปในโรงแรมกลางเมืองพัทยา เผยเป็นคลิปเก่าปี 56 แต่มีคนนำมาเผยแพร่ซ้ำ
จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปสาวประเภทสองเปลือยกายล่อนจ้อน นอนบนเตียง ทำท่าทางลักษณะต่างๆ ให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งชายและหญิงถ่ายรูปปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ จนมีผู้คนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการกระทำที่สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 01.00 น.วันนี้ (29 พ.ค. ) พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอนสาร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวพัทยา ได้สืบหาข้อมูลจนทราบว่า บุคคลที่ปรากฏในคลิป คือ นายคณิศร ทูลจิตต์ อายุ 31 ปี ,นายนพดล จอวัน อายุ 33 ปี และนายสามติ๊บ นายมู จึงควบคุมตัวไปทำการสอบสวน ซึ่งบุคคลทั้ง 3 ยอมรับว่าเป็นบุคคลที่ปรากฏตามคลิปวิดีโอจริง แต่เป็นคลิปที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2556 และไม่ทราบว่าใครเป็นคนนำคลิปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์
โดยอ้างว่าก่อนเกิดเหตุพวกตน ได้พากันไปเที่ยวที่ถนนวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ และได้รู้จักกับนักท่องเที่ยวชาวจีน ก่อนจะนัดหมายกันไปที่ยังพักของนักท่องเที่ยวรายนี้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และมีการถ่ายภาพร่วมกัน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหาบุคคลทั้ง 3 ว่า กระทําการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกํานัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทําการลามกอย่างอื่น" พร้อมดำเนินการเปรียบเทียบปรับ คนละ 5,000 บาทก่อนปล่อยตัวไป ส่วนมือปล่อนคลิป อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมาย
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอนสาร สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวพัทยา ได้เชิญตัวสาวประเภทสองทั้ง 3 ราย มาแถลงต่อสื่อมวลชน
โดยทั้ง 3 ให้การยอมรับว่าคือบุคคลที่ปรากฏตามวิดีโอคลิปจริง ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุได้พากันไปเที่ยวที่ถนนวอล์ค กิ้งสตรีท พัทยาใต้ จากนั้นก็มีไกด์ซึ่งเป็นสาวประเภทสองเข้ามาติดต่อว่าจะให้ไปร่วมปาร์ตี้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยจะให้เงินคนละ 4,000 บาท ซึ่งเมื่อไปถึงปรากฏว่านักท่องเที่ยวก็ขอให้ถอดเสื้อผ้าเพราะอยากดูสภาพของสาวประเภทสองที่ผ่าตัดและยังไม่ผ่าตัด จึงได้แจ้งว่าห้ามบันทึกภาพทุกประเภท แต่ปรากฏว่าเมื่อถอดเสื้อผ้าก็มีนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มรวมกว่า 10 คนรุมเข้ามาให้ห้องและถ่ายภาพ โดยนักท่องเที่ยวได้จ่ายเงินคนละ 4,000 บาทตามตกลงและทริปอีกคนละ 500 หยวน จากนั้นก็ไม่เคยพบเจอนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อีกเลย และไม่คิดว่าจะมีการนำคลิปมาเผยแพร่จนเป็นข่าว
และทั้ง 3 รายยังได้ยกมือกราบข้อโทษเจ้าหน้าที่ และฝากไปยังสังคมว่า “ไม่ตั้งใจกระทำการดังกล่าว แต่ก็ยอมรับความผิดทุกอย่างจึงอยากขอโทษสังคมที่ทำให้ภาพลักษณ์เสื่อมเสียและยืนยันว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน”
