สุรินทร์- เสียดายเงินแผ่นดิน! ชาวช่างปี่ จ.สุรินทร์ สุดทนจี้กรมพัฒนาที่ดินแก้ปัญหาโครงการระบบส่งน้ำในไร่นา หลังผลาญฯ งบก่อสร้างแล้วทิ้งร้างตั้งเป็นอนุสาวรีย์มานาน 4 ปีไม่ได้ใช้งาน ทั้ง 2 แห่งรวมกว่า 10 ล้าน สุดพิลึกหลับหูหลับตาสร้างเสร็จไม่มีน้ำให้สูบ ถามกลับก่อนสร้างได้สำรวจแหล่งน้ำหรือไม่ แนะขุดลอกแหล่งน้ำเพิ่มปริมาณกักเก็บให้เพียงพอ
วันนี้ (22 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ ต.ช่างปี่ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ว่า โครงการระบบส่งน้ำในไร่นาด้วยท่อน้ำ PE ความยาว 2,320 เมตร ของกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ตั้งอยู่ข้างสระน้ำสาธารณะบ้านกระโดนค้อ ม.2 ต.ช่างปี่ อ.ศีขรภูมิ ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ ถึงแม้มีการสร้างวางระบบเครื่องสูบน้ำและวางระบบท่อเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วก็ตาม จึงกลายเป็นโครงการฯ ทำให้สูญเสียสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินโดยเปล่าประโยชน์
ทั้งนี้ เนื่องจากแหล่งน้ำดิบในสระน้ำสาธารณะบ้านกระโดนค้อมีปริมาณน้ำที่ไม่เพียงพอ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงมีมติไม่ให้เปิดใช้งานโครงการระบบส่งน้ำในไร่นาดังกล่าว เพราะเกรงว่าน้ำประปาที่ใช้อุปโภคบริโภคจะขาดแคลน จึงต้องการให้กรมที่ดินเจ้าของโครงการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยลงมาดูแลแก้ปัญหาหรือขุดลอกขยายแหล่งน้ำดิบให้มีปริมาณน้ำที่มากเพียงพอ เพื่อที่ชาวบ้านและเกษตรกรจะได้ใช้ประโยชน์ด้านการเกษตรจากโครงการระบบส่งน้ำในไร่นาเสียที โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งหลังจากถูกทิ้งร้างตั้งเป็นอนุสาวรีย์มานาน 4 ปีแล้ว
นายศักรินทร์ ซ่อมแก้ว ผู้ใหญ่บ้านกระโดนค้อ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่จะช่วยเสริมสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งที่จะได้ปลูกพืชผักและทำนาปรังต่างๆ ให้ก่อเกิดรายได้หลังจากฤดูกาลเก็บเกี่ยว ซึ่งชาวบ้านเองคาดหวังสูงว่าจะได้ใช้ประโยชน์จากโครงการฯ
ส่วนมีการทำประชาคมก่อนดำเนินโครงการหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบว่ามีการทำประชาคมหรือไม่ เพราะเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหลังจากโครงการแล้วเสร็จ และได้เห็นช่วงพิธีเปิด ส่งมอบโครงการเท่านั้น และระหว่างทดสอบการเดินเครื่องพบว่าเครื่องได้สูบน้ำจะสระสาธารณะบ้านกระโดนค้อขึ้นไปปริมาณมาก ชาวบ้านจึงเห็นว่าหากใช้น้ำมากขนาดนี้ในการสูบแต่ละครั้ง จะทำให้แหล่งน้ำดิบผลิตประปาที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคของชาวบ้านไม่เพียงพอแน่นอน เพราะแหล่งน้ำเองก็ตื้นเขินมากแล้ว
จึงมีมติร่วมกันว่ายังไม่ให้เปิดใช้ระบบส่งน้ำในไร่นาดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านต่างคาดหวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงมาช่วยเหลือแก้ปัญหา ขุดลอกขยายแหล่งน้ำให้เพียงพอ เพราะโครงการดังกล่าวไม่ได้ใช้งานมานานกว่าเกือบ 4 ปีแล้วนับตั้งแต่สร้างเสร็จ อีกทั้งยังมีอีก 2 หมู่บ้านที่กำลังวางระบบน้ำประปาเพื่อสูบน้ำจากแหล่งน้ำเดียวกันนี้ไปใช้ผลิตประปาอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการขุดลอกแหล่งน้ำให้มีปริมารณกักเก็บมากเพียงพอ โครงการระบบส่งน้ำในไร่นาก็จะช่วยให้ชาวบ้านสามารถปลูกข้าว ปลูกผัก ในช่วงว่างเว้นจากการทำไร่ทำนาได้
ด้าน นายสุธี บูรณ์เจริญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ช่างปี่ เปิดเผยสั้นๆ ว่า โครงการดังกล่าวทางสำนักงานพัฒนาที่ดิน จ.สุรินทร์ ได้รับงบประมาณจากส่วนกลางมาดำเนินการจัดสร้างขึ้น และได้ส่งมอบให้ อบต.ช่างปี่มาตั้งแต่ปี 2557 หลังจากทำการทดสอบเดินเครื่องพบว่าเครื่องสูบน้ำได้สูบน้ำขึ้นมาจำนวนมาก ทำให้ปริมาณน้ำในหนองน้ำลดฮวบจนชาวบ้านตกใจไม่คิดว่าเครื่องจะสูบน้ำขึ้นมาได้มากขนาดนี้ จึงมีมติร่วมกันว่ายังจะไม่ใช้งานระบบส่งน้ำในไร่นา รอจนกว่าจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนงบประมาณมาขุดลอกขยายแหล่งน้ำให้ประชาชน
ในเบื้องต้น อบต.ช่างปี่ได้ประสานงานขอความช่วยเหลืองบประมาณสนับสนุนจาก สำนักงานชลประทานที่ 8 นครราชสีมา เพื่อมาขุดลอกให้เกษตรกร ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ และทาง อบต.ช่างปี่ไม่ได้นิ่งดูดายแต่อย่างใด
สำหรับโครงการระบบส่งน้ำในไร่นา ด้วยท่อน้ำ PE ของกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีมูลค่าโครงการละกว่า 5 ล้านบาท พบว่า ต.ช่างปี่ได้รับอนุมัติโครงการมาจำนวน 2 โครงการ โดยอีกแห่งตั้งอยู่ที่บริเวณข้างสระน้ำสาธารณะบ้านหัวแรต-นาโพธิ์ ต.ช่างปี่ ซึ่งได้มีการก่อสร้างวางระบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ยังไม่ได้ใช้งานเช่นกันเนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่ต่างเกรงว่าจะกระทบแหล่งน้ำดิบผลิตประปาเพื่ออุปโภค บริโภคไม่เพียงพอ จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขและขุดลอกให้ลึกกว่าเดิมเพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำให้ได้มากขึ้น
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว ต.ช่างปี่เป็นตำบล 1 ใน 2 จังหวัดที่ได้รับอนุมัติโครงการ แต่กลับยังไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้แต่อย่างใด และชาวบ้านต่างตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนดำเนินโครงการฯ ได้มีการสำรวจพื้นที่แหล่งน้ำก่อนหรือไม่