กาญจนบุรี - ครูณัฐ ครูสอนศิลปะ ร.ร.โยธินบูรณะ อัดคลิปชวนคนไทยหันมาออกกำลังกาย กระตุ้นการเลิกบุหรี่ หลังมีประสบการณ์เคยเกือบตายเพราะบุหรี่มาแล้ว
วันนี้ (18 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณี นายณัฐวัฒน์ โรจน์สุธี หรือครูณัฐ อายุ 35 ปี ครูสอนวิชาศิลปะ โรงเรียนโยธินบูรณะ กทม.ได้เริ่มวิ่งจากโรงพยาบาลทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี มุ่งหน้าสู่เส้นชัยที่โรงเรียนโยธินบูรณะ กทม.ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ครูณัฐ สอนอยู่ เป็นระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร
จุดประสงค์ในการวิ่งนั้นก็เพื่อหารายได้ไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลทองผาภูมิ และโรงพยาบาลสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งการวิ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.และเข้าเส้นชัยในวันที่ 14 เม.ย.รวม 12 วัน โดยได้รับเงินบริจาคจากประชาชนคนไทยที่ติดตามข่าวจากทั่วประเทศมากถึง 5,800,000 บาทเศษ และการวิ่งไม่ใช่เป็นเพียงแค่ระดมทุนเท่านั้น แต่ครูณัฐ ยังวิ่งเพื่อแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ ต่อต้านการล่าสัตว์ป่าทุกชนิดอีกด้วย ซึ่งครูณัฐ เป็นคนรักการวิ่งเพื่อออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ
แต่อีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนว่าทำไมครูณัฐ ถึงรักการวิ่งเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งครูณัฐ ได้เปิดใจต่อสื่อมวลชนครั้งแรกว่า มันมาจากภัยของการติดบุหรี่นั่นเอง และครูณัฐ ได้อัดคลิปวิดีโอส่งมาให้สื่อมวลชนได้นำเสนอเพื่อต้องการให้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนไทยที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่อีกทางหนึ่งด้วย
ครูณัฐ เปิดใจว่า ผมเริ่มสูบบุหรี่มาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือในระดับชั้นมัธยมต้น น่าจะประมาณชั้น ม.2-3 แต่การสูบบุหรี่ในช่วงนั้นเป็นเพียงแค่การอยากลองเท่านั้น จึงไม่บ่งบอกถึงการเหนื่อย ยังไม่มีเอฟเฟกต์อะไรมากมาย จึงไม่ค่อยได้ใส่ใจอะไรว่าการสูบบุหรี่จะทำให้มีผลต่อสุขภาพ ผมจึงรู้สึกเฉยๆ จนกระทั่งเรียนในระดับชั้นมัธยมปลาย ก็ยังสูบบุหรี่ และสูบถี่ขึ้นจึงรู้ว่าติดบุหรี่
โดยช่วงนั้นคิดว่ายังเป็นวัยรุ่น และชอบออกกำลังกายด้วยการวิ่ง และเล่นฟุตบอล รวมทั้งซ้อมมวยอยู่เป็นประจำ และด้วยพลังของวัยรุ่นจึงคิดว่าการติดบุหรี่คงไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อสุขภาพ จนเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย และวัยทำงาน ผมก็ยังสูบบุหรี่ และสูบหนักขึ้น จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่การสูบบุหรี่ของผมไม่ใช่ว่าจะสูบวันละเป็นซอง เป็นเพียงแค่สูบวันละหลายมวนเท่านั้น
แต่มันมาเห็นผลตอนอายุเริ่มมากขึ้นในวัยทำงาน เริ่มหายใจไม่ออก ขนาดไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนก็หายใจไม่คล่อง เวลาเดินก็เริ่มเหนื่อยง่าย ที่จริงในใจก็คิดอยากจะเลิกหลายครั้งหลายรอบแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่เพิ่งมาคิดว่าอยากจะเลิกในช่วงวัยทำงาน แต่ยอมรับว่าใจไม่แข็งพอ
การจะเลิกบุหรี่มันอยู่ที่ใจจริงๆ ไม่ต้องไปโทษอะไรเลย มันอยู่ที่ใจ ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอก็ยังเลิกไม่ได้ ผมเคยทำทุกวิถีทาง และเคยเลิกได้นานที่สุดประมาณ 1 เดือน บางครั้งก็ประมาณ 1 อาทิตย์ หรือ 2 อาทิตย์ แต่ก็กลับมาสูบอีก เพราะมันไม่ไหวจริงๆ
โดยได้แรงบันดาลใจจากพี่ชาย พี่ชายก็สูบบุหรี่เช่นกัน แต่เมื่อพี่ชายมีครอบครัว และลูก พี่ชายก็เลิกบุหรี่ทันที เพราะเห็นแก่ภรรยา และลูก ก็เลยมาคิดในใจว่าขนาดพี่ชายของเรายังเลิกบุหรี่ได้ เรามาลองเลิกบุหรี่ดูอีกครั้งดีไหม และสุดท้ายก็ตัดสินใจเริ่มสูบบุหรี่ลดน้อยลงๆ
ระหว่างลดสูบบุหรี่ก็ออกมาวิ่ง และเตะฟุตบอลเพื่อให้ร่างกายมันดีขึ้น แต่ว่าตอนที่สูบบุหรี่ลดน้อยลงก็ยังมีความรู้สึกว่าเหนื่อยมาก จึงตัดสินใจเลิกบุหรี่ด้วยการหักดิบโดยที่ไม่แตะบุหรี่อีกเลย อีกทั้งช่วงนั้นเป็นช่วงวันเกิดของพี่ชายผมด้วย จึงคิดจะทำเพื่อพี่ชาย แต่พอหยุดสูบบุหรี่แล้ว มันหงุดหงิด และรู้สึกฟุ้งซ่าน จะทำอะไรก็รู้สึกทรมานมาก
เมื่อตื่นนอนขึ้นมาในยามเช้าก็จะมีอาการไอตามมา มีเสลดไหลออกมาเป็นเมือกสีขาวคล้ายเม็ดสาคู และจะเป็นเช่นนี้แทบทุกเช้าที่ตื่นนอนขึ้นมา จากนั้นจึงหันกลับไปวิ่งแข่งขันตามงาน และรายการต่างๆ ที่มีการจัดขึ้นทั่วประเทศ จากการไปวิ่งตามรายการต่างๆ ถี่ขึ้น จึงทำให้ผมเลิกได้และไม่คิดถึงเรื่องของการสูบบุหรี่อีกเลยมาจนถึงปัจจุบัน
การออกกำลังกายมันทำให้เลิกบุหรี่ได้จริง แต่ต้องทำเป็นประจำ และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมคิดได้ตอนที่ออกมาวิ่งครั้งแรกนั้นผมเคยวิ่งเป็นลม ตอนนั้นคิดว่าจะหันกลับไปสูบบุหรี่เหมือนเดิม แต่ในใจก็คิดว่าหากจะกลับไปสูบบุหรี่ เราก็ต้องเลิกวิ่ง แต่หากคิดจะวิ่งต่อเราก็ต้องตัดสินใจเลิกบุหรี่ เพราะเราเคยเป็นลมเกือบจะตายมาแล้วเพราะสูบบุหรี่
ในที่สุดผมจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า เลือกที่จะวิ่ง การตัดสินใจวิ่งจึงเป็นเหตุผลที่เลิกบุหรี่ได้ อีกทั้งยังได้แรงบันดาลใจจากพี่ชายด้วย ซึ่งการออกกำลังกายจึงถือว่าทำให้เราเลิกบุหรี่ได้จริงๆ ดังนั้น ก็อยากฝากไปถึงทุกคนที่สูบบุหรี่ และกำลังคิดอยากจะเลิกมันให้ลองไปออกกำลังกายด้วยการวิ่ง หรือจะออกกำลังกายด้วยวิธีไหนก็ตาม แต่จะต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และทำเป็นประจำทุกวัน อีกทั้งจะต้องตัดสินใจเลิกให้เข้มแข็ง เพราะการจะเลิกสูบบุหรี่นั้นมันต้องขึ้นอยู่ที่ใจของเราด้วย